เครื่องบิน C-130 ของตุรกีซึ่งใช้อพยพพลเมืองออกจากซูดาน ถูกกองกำลังไม่ทราบฝ่ายยิงเข้าใส่ในวันนี้ ขณะที่กำลังเตรียมลงจอดที่ฐานทัพอากาศแห่งหนึ่งนอกกรุงคาร์ทูม
กระทรวงกลาโหมของตุรกีได้ออกมายืนยันข่าวดังกล่าว แต่เคราะห์ดีที่ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต และเครื่องบินก็สามารถลงจอดได้อย่างปลอดภัยในฐานทัพอากาศวาดี ซิดนา (Wadi Seidna) ซึ่งอยู่ห่างจากกรุงคาร์ทูมออกไปทางเหนือราว 30 กิโลเมตร
ภายหลังเกิดเหตุดังกล่าว กองทัพซูดานได้กล่าวโทษว่ากองกำลังกึ่งทหาร Rapid Support Forces (RSF) เป็นฝ่ายที่ยิงอาวุธเข้าใส่เครื่องบินและทำให้ระบบเชื้อเพลิงเสียหาย ขณะที่กองกำลัง RSF ออกมาปฏิเสธข้อกล่าวหาข้างต้น โดยระบุว่าฝ่ายของตนเองยึดมั่นในข้อตกลงหยุดยิงเพื่อเปิดทางสู่การช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม จึงทำให้ขณะนี้ยังไม่แน่ชัดว่าฝ่ายใดที่เป็นผู้ก่อเหตุที่แท้จริง
อนึ่ง ทั้งสองฝ่ายได้ตกลงที่จะขยายระยะเวลาหยุดยิงไปอีก 3 วัน ในช่วงเที่ยงคืนวานนี้ตามเวลาท้องถิ่น หลังได้รับความช่วยเหลือจากรัฐบาลซาอุดีอาระเบียและสหรัฐอเมริกา แต่ถึงเช่นนั้นก็ยังคงมีรายงานว่า ทั้งสองฝ่ายได้เข้าปะทะกันอย่างต่อเนื่องในหลายพื้นที่ โดยเฉพาะในกรุงคาร์ทูมที่ตอนนี้มีสภาพไม่ต่างจากสมรภูมิรบ
แม้จะเกิดเหตุไม่คาดฝันดังกล่าว แต่รัฐมนตรีกลาโหมของตุรกียืนยันว่า ความพยายามในการอพยพผู้คนจะยังคงดำเนินต่อไป เพื่อช่วยเหลือพลเมืองตุรกีจากฐานทัพอากาศวาดี ซิดนา รวมถึงประชาชนที่รออยู่ในเมืองพอร์ตซูดานบนชายฝั่งทะเลแดง
นับตั้งแต่ที่การปะทะกันระหว่างสองกลุ่มทหารปะทุขึ้นเมื่อวันที่ 15 เมษายน จนถึงขณะนี้มีผู้เสียชีวิตแล้วหลายร้อยคน ขณะที่ประชาชนชาวซูดานเรือนหมื่นต้องอพยพย้ายออกจากบ้านของตัวเองเพื่อความปลอดภัย การสู้รบที่เกิดขึ้นได้ทำลายเมืองหลวงของซูดานและพื้นที่ใกล้เคียงซึ่งมีประชาชนราว 10 ล้านคนด้วยกัน และทำให้ผู้คนที่ยังคงใช้ชีวิตอยู่ในเมืองตกอยู่ในภาวะขาดแคลนน้ำ อาหาร และเชื้อเพลิง
ภาพ: BBC
อ้างอิง: