หนังสือพิมพ์ The Guardian ของอังกฤษ ได้รายงานผลการวิจัยฉบับหนึ่งที่น่าสนใจว่า สระว่ายน้ำขนาดใหญ่ สวนที่ได้รับการดูแลอย่างดี และรถหรูที่ผ่านการล้างสะอาดเอี่ยมอ่องของบรรดาบ้านคนรวย เป็นหนึ่งในปัจจัยที่ผลักดันให้วิกฤตขาดแคลนน้ำในหลายเมืองทั่วโลกย่ำแย่ลง เทียบเท่ากับปัญหาเรื่องการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศหรือการขยายตัวของประชากรเลยทีเดียว
งานวิจัยฉบับนี้ได้รับการตีพิมพ์ลงในวารสารวิชาการ Nature Sustainability โดยใช้ข้อมูลที่รวบรวมมาสร้างเป็นแบบจำลองการใช้น้ำ ผ่านการพิจารณาจากระดับรายได้ที่แตกต่างกันของชาวเมือง โดยผลออกมาว่าปริมาณการใช้น้ำในแต่ละวันของครอบครัวที่มีฐานะร่ำรวยและครอบครัวที่ยากจนนั้นแตกต่างกันมากอย่างน่าตกใจ และเป็นปัญหาที่ถูกมองข้ามมาโดยตลอดในการแก้ไขวิกฤตขาดแคลนน้ำ เนื่องจากเมืองต่างๆ จะมุ่งเน้นไปที่ความพยายามในการเพิ่มแหล่งน้ำหรือปรับขึ้นค่าน้ำ ซึ่งนักวิจัยเสนอว่าทางเดียวที่จะปกป้องแหล่งน้ำได้คือการกระจายทรัพยากรน้ำให้มีความเท่าเทียมกันมากขึ้น
ผลการวิจัยดังกล่าวได้เลือกเมืองเคปทาวน์ของแอฟริกาใต้มาเป็นกรณีศึกษา และพบว่ากลุ่มคนที่รวยเป็นอันดับต้นๆ ของเมืองนี้ใช้น้ำมากกว่ากลุ่มคนที่จนที่สุดมากถึง 50 เท่า โดยย้อนกลับไปเมื่อหลายปีก่อน เคปทาวน์เคยเกิดปัญหาไม่สามารถบริหารจัดการน้ำให้เพียงพอกับจำนวนประชากรได้ ประกอบกับแอฟริกาใต้เผชิญภัยแล้งมานานหลายปี จึงยิ่งซ้ำเติมสถานการณ์น้ำแล้งในประเทศ จนในที่สุดปี 2018 เคปทาวน์ก็เจอวิกฤต Day Zero ซึ่งเป็นวันที่ทั้งเมืองต้องหยุดจ่ายน้ำประปาเพราะเหลือน้ำไม่พอใช้ ซึ่งกลุ่มคนที่ลำบากที่สุดก็คือคนยากจนในเมือง
สำหรับในเคปทาวน์ กลุ่มคนที่รวยที่สุดซึ่งมีสัดส่วนคิดเป็น 14% ของประชากรทั้งหมด มียอดการใช้น้ำมากถึง 51% สวนทางกับกลุ่มคนยากจนที่สุดซึ่งคิดเป็นสัดส่วน 62% ของจำนวนประชากร มียอดการใช้น้ำที่เพียง 27% เท่านั้น ขณะรายงานยังย้ำด้วยว่า น้ำที่หมดไปในบ้านคนรวยส่วนใหญ่ใช้ไปกับสิ่งที่ไม่ใช่ความจำเป็นพื้นฐาน
อย่างไรก็ตาม นักวิจัยกล่าวว่า สถานการณ์ดังกล่าวไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะในเคปทาวน์เท่านั้น แต่อีกหลายเมืองทั่วโลกก็มีปัญหาในลักษณะเดียวกัน เพราะนับตั้งแต่ปี 2000 เมืองใหญ่มากกว่า 80 เมืองทั่วโลกเผชิญกับภัยแล้งรุนแรงและวิกฤตขาดแคลนน้ำ รวมถึงไมอามี เมลเบิร์น ลอนดอน บาร์เซโลนา เซาเปาโล ปักกิ่ง เบงกาลูรู และฮาราเร
นักวิจัยกล่าวว่า วิกฤตการณ์น้ำในเมืองต่างๆ คาดว่าจะเกิดถี่ขึ้น และมีการคาดการณ์ว่าชาวเมืองมากกว่า 1 พันล้านคน จะประสบปัญหาขาดแคลนน้ำในอนาคตอันใกล้นี้ โดยในเดือนมีนาคม รายงานของ Global Commission on the Economics of Water เปิดเผยว่า วิกฤตน้ำกำลังคืบคลานเข้ามา และคาดว่าดีมานด์การใช้น้ำจะแซงหน้าทรัพยากรที่มีอยู่ถึง 40% ภายในปี 2030
ภาพ: WitR Via Shutterstock
อ้างอิง:
