Domino’s Pizza เชนพิซซ่ารายใหญ่ปิดกิจการในอิตาลีอย่างเป็นทางการแล้ว หลังแบกรับต้นทุนอ่วม แถมเมนูยังไม่ชนะใจผู้บริโภค จับตาหลังจากนี้ทิศทางแบรนด์จะเป็นอย่างไร ขณะที่ในไทย ‘วาว แฟคเตอร์’ ผู้รับสิทธิ์แฟรนไชส์ขายหุ้นไปเรียบร้อยแล้ว
Bloomberg รายงานว่า หลังจาก ePizza SpA เจ้าของแฟรนไชส์ Domino’s Pizza เชนพิซซ่ารายใหญ่ที่สุดในโลก ตัดสินใจปิดสาขาทั้งหมด 29 แห่งในอิตาลีไปเมื่อปีที่ผ่านมา หลังจากที่เข้าไปขายพิซซ่าในประเทศอิตาลีมาได้เพียง 8 ปี นับตั้งแต่เริ่มกิจการในปี 2015
ทั้งนี้ เจ้าของแฟรนไชส์ดังกล่าวให้เหตุผลว่า วิกฤตโควิดทำให้ไม่สามารถดำเนินธุรกิจต่อไปได้ สอดคล้องกับที่ผ่านมาบริษัทกู้เงินมาเพื่อใช้ในการขยายสาขามากถึง 880 แห่ง แต่ไม่ประสบความสำเร็จ ทำให้มีต้นทุนค่าใช้จ่ายอย่างมาก และกลายเป็นว่าต้องแบกรับภาระหนี้ ซึ่งสวนทางกับตัวเลขรายได้ตั้งแต่ปี 2020 ที่ลดลงถึง 35%
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
- ‘Domino’s Pizza’ พิจารณาขายกิจการในรัสเซีย หลังแบรนด์ดังรุมคว่ำบาตร
- Domino’s ปิดสาขาสุดท้ายในอิตาลีแล้ว หลังแบรนด์อเมริกัน ‘พ่ายแพ้’
- ชาวอิตาลีกลุ้ม! ต้นทุนวัตถุดิบ ‘พิซซ่า’ อาหารแห่งชาติ พุ่ง 30% สูงกว่าอัตราเงินเฟ้อทั่วไป
ยิ่งไปกว่านั้น ยังเจออุปสรรครอบด้านจากพฤติกรรมชาวอิตาลีส่วนใหญ่ไม่นิยมรับประทานพิซซ่าใส่สับปะรดและไก่บาร์บีคิว หรือที่เรียกว่าเมนูฮาวายเอี้ยน ซึ่งจากเดิมแล้วผู้บริโภคจะคุ้นชินกับมาร์การิตาแป้งบางกรอบมากกว่า
มิหนำซ้ำยังต้องเผชิญการแข่งขันที่รุนแรงขึ้นจากช่องทางเดลิเวอรี จึงเป็นเรื่องยากที่จะดึงดูดผู้บริโภคได้ โดยเฉพาะอิตาลีที่เป็นประเทศต้นกำเนิดของพิซซ่า
อย่างไรก็ตาม ePizza SpA เจ้าของแฟรนไชส์ มีหนี้ 20.8 ล้านดอลลาร์ ได้มีการเจรจาปรับโครงสร้างหนี้ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2022 แต่ยังไม่มีความคืบหน้าในเรื่องดังกล่าว
ขณะที่ Domino’s Pizza ในประเทศไทย ซึ่งอยู่ภายใต้การบริหารงานของบริษัท วาว แฟคเตอร์ จำกัด (มหาชน) พยายามปรับภาพลักษณ์แบรนด์ให้ดูทันสมัยเพื่อดึงดูดให้ผู้บริโภคเข้าร้าน และให้สอดคล้องกับสาขาในต่างประเทศ
จนกระทั่งในปี 2022 วาว แฟคเตอร์ ขายหุ้นสามัญและทรัพย์สินในบริษัทย่อย 3 บริษัท หนึ่งในนั้นก็คือ บริษัท โดมิโน่ เอเซีย แปซิฟิค จำกัด หรือ DMN ซึ่งประกอบธุรกิจจำหน่ายอาหารและเครื่องดื่มภายใต้แบรนด์ Domino’s Pizza จำนวน 3,874,300 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 100 บาท คิดเป็น 90.10% ของหุ้นทั้งหมดใน DMN ให้กับ ศิรัตน์ รัตนไพฑูรย์ หรือบุคคล/นิติบุคคลที่ศิรัตน์ รัตนไพฑูรย์กำหนด ซึ่งไม่ใช่บุคคลที่เกี่ยวโยงกันของบริษัท
ทั้งนี้ บริษัทให้เหตุผลว่าการขายสินทรัพย์ในครั้งนี้ต้องการขายธุรกิจที่ใช้เงินทุนสูงออกไป และหันมาให้ความสำคัญกับธุรกิจที่บริษัทมีอยู่อย่างชาบูที่ค่อนข้างมาแรง ทำให้มีโอกาสในการทำตลาดได้มากขึ้น
จากนี้ต้องจับตาดูทิศทางของ Domino’s Pizza ในไทย ที่ปัจจุบันมีราวๆ 30 สาขา จะเป็นอย่างไรต่อไป
อ้างอิง: