วันนี้ (21 มีนาคม) เอนก เหล่าธรรมทัศน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เป็นประธานการประชุมร่วมกับคณบดีคณะแพทยศาสตร์ในสังกัด อว. ทั่วประเทศ ซึ่งประกอบด้วยคณบดีและผู้แทนจากโรงพยาบาลโรงเรียนแพทย์ทั่วทุกภูมิภาค เพื่อรับทราบและติดตามความก้าวหน้าของสถานการณ์กรณีวัสดุกัมมันตรังสีซีเซียม-137 สูญหายที่โรงไฟฟ้าจังหวัดปราจีนบุรี ทั้งในมิติสุขภาพและมิติทางวิชาการ
เอนกกล่าวภายหลังประชุมว่า คณะแพทยศาสตร์ทุกแห่งได้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดตั้งแต่ทราบข่าวการสูญหายของวัสดุกัมมันตรังสีซีเซียม-137 ในครั้งนี้เป็นการติดตามสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ตนได้มีข้อสั่งการเพิ่มเติม 4 ข้อต่อคณะแพทยศาสตร์และโรงเรียนแพทย์ มหาวิทยาลัย และหน่วยงานในสังกัด อว. ดังนี้
- ให้เฝ้าระวังอย่างเข้มงวด เพื่อค้นหาและรายงานผู้ที่มีอาการหรือมีประวัติเข้ากันได้กับการได้รับสารรังสี ย้อนหลังไป 3 เดือน รวมทั้งเฝ้าระวังสถานการณ์ หากพบว่ามีผู้ป่วยต้องสงสัยว่าจะได้รับสารรังสี หรือหากพบคลัสเตอร์ในพื้นที่ใด ขอให้รายงานเข้ามาที่ศูนย์ปฏิบัติการของ อว. และเข้าไปดูแลโดยทันที
- คณะแพทยศาสตร์และโรงพยาบาลที่มีความสามารถในการตรวจการสัมผัสสารรังสี ไม่ว่าจะเป็นการตรวจสุขภาพ ตรวจเลือด ปัสสาวะ หรืออื่นใด หรือหากมีผู้เชี่ยวชาญหรือเครื่องมือ ให้แจ้งมาที่ศูนย์ปฏิบัติการของ อว. เพื่อให้เกิดการสนธิกำลังโดยทันที
- มหาวิทยาลัยที่อยู่ใกล้พื้นที่เหตุการณ์ ซึ่งมีเครือข่ายแพทย์ พยาบาล อาสาสมัครที่ประสงค์จะสนับสนุนการปฏิบัติงานในพื้นที่ ให้เข้าไปร่วมดำเนินการโดยทันที ทั้งในแง่การดูแลสุขภาพ ความรู้สึก และความวิตกกังวล
- ให้นักวิชาการ แพทย์ หรือผู้เชี่ยวชาญให้ข้อมูลความรู้ทางวิชาการที่ถูกต้อง น่าเชื่อถือ เข้าใจง่ายต่อสาธารณชน เพื่อสร้างความรู้ ความเข้าใจ และลดความตระหนกในสังคม รวมทั้งให้คำแนะนำและคำปรึกษาต่อประชาชน
นอกจากนี้ในที่ประชุมได้มีแพทย์และผู้เชี่ยวชาญทางรังสีวิทยาของคณะแพทยศาสตร์หลายแห่งได้ให้ข้อมูลเพิ่มเติม ซึ่งเป็นไปในทิศทางเดียวกันว่าปริมาณรังสีที่สูญหายและที่ตรวจพบปรากฏในพื้นที่เหตุการณ์มีปริมาณที่น้อยมาก เทียบได้กับการทำ CT Scan 1 ครั้ง ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อสุขภาพน้อย