สุดสัปดาห์ที่ผ่านมานับเป็นสัปดาห์แห่งบิ๊กแมตช์ของฟุตบอลทั้งไทยและต่างประเทศ ตั้งแต่ศึกแดงเดือดที่โอลด์แทรฟฟอร์ด ซึ่งแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เปิดบ้านเอาชนะลิเวอร์พูลไป 2-1 ขณะที่ไทยลีกก็มีบิ๊กแมตช์ที่ ทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด หยุดสถิติชนะ 100% ของบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด แชมป์เก่าไว้ที่ 15 เกม หลังสามารถเปิดบ้านยันเสมอไปได้ 2-2
แต่เกมที่พลิกล็อกและเป็นที่พูดถึงมากที่สุดเกิดขึ้นจากการที่ทีมน้องใหม่อย่าง พีที ประจวบ เปิดบ้านเอาชนะเอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด ไปถึง 6-1 จนทำให้ โค้ชแบน-ธชตวัน ศรีปาน เฮดโค้ชของเอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด ออกมารับผิดชอบต่อผลงานด้วยการประกาศลาออกจากตำแหน่ง และล่าสุดก็ได้มีการแถลงประกาศยกเลิกสัญญากับทางโค้ชแบนอย่างเป็นทางการแล้ว
หลังจบการแข่งขัน มีหลายฝ่ายเชื่อว่าผลครั้งนี้เกิดจากการที่เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด เสียนักเตะหลักไปหลายคน ตั้งแต่ ชนาธิป สรงกระสินธ์, ธีรศิลป์ แดงดา, ธีราทร บุญมาทัน และกวินทร์ ธรรมสัจจานันท์ ที่ต่างเดินทางไปค้าแข้งในต่างแดน ทำให้ทีมขาดมิติในการเล่น และเป็นเหมือนระเบิดเวลาที่สุดท้ายก็มาลงที่สนามสามอ่าว สเตเดี้ยม ของสโมสรพีที ประจวบ
วันนี้ THE STANDARD จึงได้ต่อสายตรงถึง ฟลุ๊ค-ธีรยุทธ บัญหนองสา ผู้บรรยายกีฬาและผู้ประกาศข่าว True4U เพื่อมุมมองที่หลากหลายมากขึ้นว่าสาเหตุที่ผลการแข่งขันเป็นแบบนี้เกิดขึ้นจากระเบิดเวลาของเอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด เพียงอย่างเดียวหรือไม่
“ถ้าเอาเฉพาะเกมนี้ โดยไม่ได้มองว่าเมืองทองเสียนักเตะหลักไป จริงๆ แล้ว โค้ชวัง-ธวัชชัย ดำรงค์อ่องตระกูล เป็นโค้ชที่มีการวางแผนเบอร์ต้นๆ ของเมืองไทย เพียงแต่ว่าที่ผ่านมายังไม่มีโอกาสได้อยู่กับทีมใหญ่ ชื่อเสียงหรือสไตล์เลยยังไม่เป็นที่ปรากฏต่อสาธารณะมากนัก
“เขาเป็นคนพาเชียงรายขึ้นมา ตอนทำทีมหลายๆ ทีมก็มียุทธวิธีของตัวเอง ซึ่งที่ผ่านมาอาจจะมีปัญหาตัวผู้เล่นอยู่บ้าง แต่มาในปีนี้ประจวบเป็นทีมที่มีทุน และเข้าใจว่าคงใช้วิธีเอานักเตะที่มีประสบการณ์ในไทยลีกมาในทีมทั้ง อมร ธรรมนาม, อดุลย์ หมื่นสมาน มารวมกัน ถ้าดู 11 ตัวจริงของประจวบเป็นพวกเคยผ่านไทยลีกมาทั้งหมด 80% และเอาดาวรุ่งเพียงคน 2 คนมาคุมตรงกลางสนาม
“มาถึงเกมนี้ได้จากแท็กติกของโค้ชวัง สองผู้เล่นในบ้านทีมน้องใหม่ที่ขึ้นมา ปีแรกมักจะเป็นปีที่ทุกคนมีความสุข ทุกคนอยากมาเจอเมืองทอง จากอารมณ์การเชียร์ก็มีเพิ่มขึ้นไปอีก ทำให้ประจวบมีกำลังใจ
“อีกเรื่องที่ไม่พูดถึงไม่ได้คือฟอร์มของเมืองทองก็ไม่ดีเลย ไม่เคยเห็นเมืองทองเล่นไม่ดีขนาดนี้ ตั้งแต่ดูเมืองทองว่าแท็กติกเมืองทองสู้ประจวบไม่ได้เลย ประจวบมีประสบการณ์ ถ้าเทียบตัวกัน ตัวผู้เล่นประจวบมีมากกว่าเมืองทองหมดเลย เพราะว่านักเตะเมืองทองไม่ใช่ชุดหลัก ประสบการณ์ก็สู้ประจวบไม่ได้”
ฟลุ๊ค ธีรยุทธ เชื่อว่าจุดเด่นของทีมพีที ประจวบ ในวันนี้คือแผนการเล่นลูกนิ่งที่เตรียมตัวมาอย่างดี ซึ่งเห็นได้จากประตูที่ได้นั้น ครึ่งหนึ่งมาจากลูกเตะมุม ซึ่งโค้ชวังก็เตรียมตัวมาอย่างดี
“จะเห็นว่าเกมนี้โค้ชวังซ้อมมาหลายๆ เรื่อง หนึ่งในนั้นคือลูก set piece ที่โค้ชวังตั้งใจซ้อมมา เพราะหากดูในเกมจะเห็นว่าประตูที่ 1 กับ 4 เหมือนกัน จากลูกเตะมุมเหมือนกันทั้งสองลูก ฝั่งรับก็เสียทั้งสองรอบ โค้ชแบนเองก็คงเจ็บปวดกับตรงนี้ด้วย แล้วเมืองทองโดนแบบนี้เหมือนกันสองรอบได้อย่างไร
“เกมนี้โค้ชวังเปิดหัวด้วยลูกเตะมุมและเจาะได้ ก็เห็นแล้วว่าเกมรับเมืองทองมีปัญหา บุกมาได้ลุ้นตลอด ก็เลยกลายเป็นมวยสู้ไม่ได้
“6 ประตู 3 ลูกได้จากลูกเตะมุม ก็เป็นบทพิสูจน์แล้วว่าเตรียมลูกนิ่งมาอย่างดี โค้ชวังก็คงเตรียมตัวแล้วว่าถ้าบุกเมืองทองไม่ได้ก็ขอเน้นลูกตั้งเตะแทน เพราะก็คงไม่คิดว่าจะบุกเมืองทองได้ขนาดนี้”
ทางออกของเอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด ในเวลานี้
“สำหรับเมืองทองเอง ทางออกใหญ่ๆ มีสองทางคือเปลี่ยนหรือไม่เปลี่ยนโค้ช เริ่มกันที่ไม่เปลี่ยนก่อน โค้ชแบนเป็นคนมีฝีมือ เป็นเบอร์ต้นของเมืองไทยในแง่แท็กติก ในช่วงแรกที่มาทำทีมเมืองทอง 2 ปีก็เต็มไปด้วยหมากกลที่แยบยลเยอะ แต่ใช้ได้ดีในช่วงที่มีทั้ง ธีรศิลป์ แดงดา, ธีราทร บุญมาทัน, ทริสตอง โด, ชนาธิป สรงกระสินธ์ แบบครบๆ เล่นอะไรก็ได้ ในเกมเดียวมี 3 ระบบการยืน เดี๋ยวยืนหลัง 4 สักพักยืนหลัง 3 สักพักให้ สารัช อยู่เย็น มาเล่นแบ็กขวา แล้วในช่วงเวลาเดียวกันให้ทริสตอง โด ไปเล่นด้านหน้าจนคู่ต่อสู้หาตัวประกบไม่เจอ โค้ชแบนเล่นตลอดทั้งปีที่โค่นบุรีรัมย์ได้
“สมมติว่าวันไหนตันก็ปรับมาใช้หลัง 3 ให้ธีราทรมายืนวิ่งแบ็ก ไม่มีใครจับทางได้ แต่มาถึงตอนนี้พอปัญหาเริ่มสะสม เรื่องตัวผู้เล่นที่ออกไปตั้งแต่สารัชเจ็บ ชนาธิปย้ายไปญี่ปุ่น เคลตัน ซิลวา ไปอีก กลายเป็นเอาพีระพัฒน์มาสลับกับธีราทรในฝั่งซ้าย แก้ไขมาเรื่อยๆ จนมาถึงวันที่ไม่มีทั้งธีราทร ทั้งธีรศิลป์ และไม่มีกวินทร์ ก็เลยกลายเป็นเมืองทองได้เห็นแล้วว่าการขาดนักเตะหลักทำให้ทีมไปไม่ถึงแชมป์
“ช่วงต้นฤดูกาล โค้ชแบนอาจจะมั่นใจว่าเอาอยู่เพราะว่ามี อดิศักดิ์ ไกรษร โค้ชแบนคงวางแผนไว้ด้านหน้าให้อดิศักดิ์แทนที่ธีรศิลป์ และให้เล่นกับชาช่าและเฮแบร์ตีในแดนหน้าก็น่าจะจบ แต่พออดิศักดิ์เจ็บยาว ชาช่าและเฮแบร์ตีก็เล่นหน้าคู่ไม่ได้ ใครจะมายืนหน้า 3 คนกับนักเตะ 2 คนนี้ นี่คือปัญหาในแดนหน้า
“ส่วนแผนริมเส้น พอไม่มีธีราทร ใช้พีระพัฒน์ขึ้นเป็นตัวบน และให้ชาช่าเล่นตัวกลาง เฮแบร์ตีเล่นขวา 2-3 เกมจะเห็นว่าพีระพัฒน์ขึ้นไปเล่นตัวบน ทำให้เสียนักเตะที่เปิดบอลได้จากแดนหลังอีก
“ถ้าหากว่าไม่เปลี่ยนโค้ชแบนก็ต้องไปชักตำรา A License มา ทำอย่างไรที่จะใช้ทรัพยากรนักเตะที่มีอยู่ให้เล่นได้ เช่น อาจจะต้องไปมองหาดาวรุ่งในทีม มองเห็นใครไหมที่จะมาทำให้ขนาดทีมใหญ่ขึ้น ด้านหน้าอาจใช้ เจ้าฟร้องค์-ปรเมศย์ อาจวิไล ตอนนี้อายุน่าจะ 19 มาลองใช้ไหม คือต้องหาทางเลือกอื่น หามิติใหม่ให้กับทีม
“ถ้าเราพูดถึงเรื่องการเปลี่ยนโค้ช ถ้าเป็นชาวต่างชาติเรามองว่าไม่รอดอยู่ดี เพราะต่างชาติต้องใช้เวลาทำทีมเยอะกว่าจะลงตัว อาจโดนทีมอื่นแซงได้ ถ้าเราเปลี่ยนมามองโค้ชไทย และโค้ชไทยที่มีบารมีในเวลานี้ก็เหลือเพียงโค้ชซิโก้คนเดียว มองว่าปีนี้เมืองทองต้องใช้บารมีมากกว่าแท็กติกในตอนนี้ที่จะช่วยดึงใจนักเตะกลับมาได้ ซึ่งผมก็คิดว่าเหลือตัวเลือกเดียวคือ โค้ชซิโก้-เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง มาช่วยงัดใจเด็กขึ้นมา ถ้าเมืองทองเลือกที่จะเปลี่ยนโค้ช”
สำหรับผลงานล่าสุดในตารางไทยลีกหลังจบนัดที่ 5 ในปีนี้ ทีมอันดับที่ 1 เป็นบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด แชมป์เก่าที่ออกสตาร์ทได้อย่างดีเยี่ยม ลงเล่น 5 นัด ชนะ 4 มี 13 คะแนน ตามมาด้วยนครราชสีมา ที่ 12 คะแนน และสุโขทัย เอฟซี ในอันดับที่ 3 มี 12 คะแนนเท่ากัน
ขณะที่พีที ประจวบ ที่เอาชนะเอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด ไป 6-1 ในเกมนี้ขึ้นมาอยู่ในอันดับที่ 5 มี 9 คะแนน ส่วนเอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด อยู่ในอันดับที่ 10 เล่นไป 5 ชนะ 2 เสมอ 1 แพ้ 2
ส่วนหนทางที่เหลืออีก 20 กว่านัดในปีนี้คาดว่าจะมีการแข่งขันที่เข้มข้นและดุเดือด เนื่องจากในปีนี้ไทยลีกจะมีทีมตกชั้นทั้งหมด 5 ทีม เพราะฤดูกาลหน้า โตโยต้า ไทยลีก จะมีทีมทั้งหมด 16 ทีม ซึ่งฟลุ๊ค ธีรยุทธ ก็มองว่าชัยชนะ 6-1 ครั้งนี้ของพีที ประจวบ ก็ยังไม่การันตีว่าพวกเขาจะไม่ตกชั้น และแน่นอนว่าความพ่ายแพ้ครั้งนี้ของเอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด ก็อาจยังไม่ใช่จุดจบของการลุ้นแชมป์อย่างแน่นอน