สถานีโทรทัศน์ CNN รายงานว่า แม้ว่า วอร์เรน บัฟเฟตต์ (Warren Buffett) จะขึ้นแท่นเป็นนักลงทุนระดับตำนานตลอดกาล แต่ดูเหมือนว่าเจ้าพ่อนักลงทุนฉายา Oracle of Omaha รายนี้จะพลาดโอกาสโกยรายได้ของตลาดหุ้นขาขึ้นในปีนี้ไปเสียแล้ว โดยหุ้นของกลุ่มบริษัท Berkshire Hathaway (BRK.B) ของ Buffett ซึ่งเป็นบริษัทที่เป็นเจ้าของธุรกิจต่างๆ ตั้งแต่ GEICO, Burlington Northern Santa Fe Railroad ไปจนถึงแบรนด์สินค้าอุปโภคบริโภคอย่าง Dairy Queen, Duracell และ Fruit of the Loom มีการปรับตัวลดลงเล็กน้อยในปีนี้ สวนทางกับดัชนี S&P 500 ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น 6% ขณะที่ดัชนี Nasdaq เพิ่มขึ้นถึง 12%
ความเคลื่อนไหวดังกล่าวทำให้เริ่มมีนักวิเคราะห์ตั้งคำถามว่าแนวทางการลงทุนของ Buffett จะน่าเบื่อเกินไปหรือเปล่า หลังจากที่เล็งแต่หุ้นใหญ่ระดับแนวหน้าอย่าง Apple, Bank of America, Chevron, American Express และ Coca-Cola โดยแนวทางการลงทุนของ Buffett จะเน้นการลงทุนในหุ้นกลุ่มมูลค่าที่ให้ผลตอบแทนในระยะยาวเป็นหลัก
อย่างไรก็ตาม บรรดานักลงทุนส่วนใหญ่ยังคงรอฟังความเห็นของ Buffett ที่จะเผยแพร่ผ่านจดหมายผู้ถือหุ้นประจำปีในวันเสาร์ที่ 25 กุมภาพันธ์ ควบคู่กับรายงานผลประกอบการล่าสุดของ Berkshire ซึ่งครอบคลุมถึงทิศทางเศรษฐกิจ แนวโน้มตลาด และภาวะเงินเฟ้อ
สำหรับแฟนประจำของ Buffett ส่วนใหญ่มองว่าความเห็นของเจ้าของตำนานการลงทุนแบบ VI ครั้งนี้ไม่น่าจะแตกต่างไปจากเดิมมากนัก โดยคุณปู่นักลงทุนวัย 92 ปีรายนี้น่าจะยังคงชื่นชมและเน้นย้ำความสำคัญของการลงทุนในระยะยาวและให้ความสำคัญกับคำว่า ‘อดทน’ รวมถึงยังมองเห็นโอกาสการเติบโตของเศรษฐกิจสหรัฐอเมริกา ตลอดจนเสริมสร้างความเชื่อมั่นต่อบรรดาผู้ถือหุ้น Berkshire ซึ่งสามารถจ่ายเงินปันผลเพิ่มขึ้น 3% ในช่วงปี 2022
กระนั้นสิ่งที่นักลงทุนต้องการฟังมากที่สุดก็คือความเห็นของ Buffett ที่มีต่อสถานการณ์เงินเฟ้อในปัจจุบัน ซึ่งส่งผลกระทบต่อเหล่านักลงทุนและบรรดาผู้บริโภคชาวอเมริกันและนานาประเทศทั่วโลกเป็นอย่างมาก ในฐานะที่ Buffett เป็นนักลงทุนที่ผ่านสถานการณ์เงินเฟ้อพุ่งมาแล้ว 2-3 ครั้ง
Steve Check ประธานของ Check Capital Management บริษัทการลงทุนที่ถือหุ้น Berkshire ยอมรับว่าตนเองอยากได้ยิน Buffett พูดถึงสิ่งที่เกิดขึ้นกับอัตราดอกเบี้ยและอัตราเงินเฟ้อที่พุ่งสูงขึ้นมาก ซึ่งเป็นสิ่งที่เขาเคยเจอในช่วงทศวรรษที่ 1970 และ 1980
ทั้งนี้ ในช่วงวิกฤตเงินเฟ้อในอดีต Buffett เคยกล่าวถึงนักลงทุนใน Berkshire ว่าอัตราเงินเฟ้อที่สูงคือภาระการลงทุน ซึ่งทำให้การลงทุนของบริษัทส่วนใหญ่ไม่ฉลาด ส่วนในจดหมายผู้ถือหุ้นปี 1981 Buffett อธิบายถึงอัตราเงินเฟ้อว่าเป็น ‘พยาธิตัวตืด’ ขนาดมหึมาสำหรับธุรกิจ
ขณะเดียวกันหลายฝ่ายมองว่า Buffett น่าจะใช้โอกาสนี้ชี้แจงพอร์ตโฟลิโอของตนเองว่ายังคงมีความแข็งแกร่งมากน้อยแค่ไหน โดยขณะนี้การถือครองหุ้นที่ใหญ่ที่สุด 5 อันดับแรกของ Berkshire คิดเป็น 75% ของการลงทุนในหุ้นของบริษัท
Bill Stone หัวหน้าเจ้าหน้าที่การลงทุนของ The Glenview Trust Company ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นอีกรายของ Berkshire กล่าวว่า ปัจจุบันพอร์ตของ Berkshire ให้น้ำหนักกับหุ้นในกลุ่มเทคโนโลยี พลังงาน อาหาร และการเงินมากเกินไป
นอกจากนี้นักลงทุนยังต้องการทราบข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับสิ่งที่ Buffett วางแผนจะทำอย่างไรกับเงินสดจำนวนมหาศาลของ Berkshire ซึ่งมีอยู่มากกว่า 1 แสนล้านดอลลาร์ ซึ่งหลายฝ่ายคาดการณ์ว่าจำนวนเงินดังกล่าวอาจถึงเวลาซื้อเพิ่มเติมของ Berkshire ใช่หรือไม่ เพราะก่อนหน้านี้ Buffett เคยแง้มว่าต้องการจะเข้าซื้อหุ้นหรือกิจการใหญ่อีกสักตัวด้วยเงินสดของบริษัทที่มีอยู่ โดยปี 2022 Berkshire ได้ตกลงซื้อบริษัทประกัน Alleghany ที่มูลค่า 1.16 หมื่นล้านดอลลาร์
อย่างไรก็ตาม รายงานระบุว่าผลประกอบการที่ซบเซาของหุ้น Berkshire เมื่อเร็วๆ นี้ไม่น่าจะเป็นอุปสรรคต่อแฟนๆ ขาประจำของ Buffett ที่ต่างเฝ้ารอเดินทางเข้าร่วมการประชุมผู้ถือหุ้นของบริษัทในวันที่ 6 พฤษภาคมนี้ โดยคาดว่า Buffett น่าจะปรากฏตัวพร้อมพาร์ตเนอร์อย่าง Charlie Munger รองประธาน Berkshire และ Greg Abel ประธานและซีอีโอของ Berkshire Hathaway ที่ Buffett คัดเลือกและส่งมอบตำแหน่งซีอีโอให้โดยตรง
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
- อย่าสับสนระหว่าง การพนัน กับ การลงทุน มองวิธีการลงทุนแบบ วอร์เรน บัฟเฟตต์ ในช่วงสภาวะถดถอยทางเศรษฐกิจ
- หุ้น BYD ทรุดหนักสุดรอบเกือบ 2 ปี นักลงทุนกังวล ‘วอร์เรน บัฟเฟตต์’ เทขาย
- วอร์เรน บัฟเฟตต์ ทุ่มอีก 9.9 ล้านดอลลาร์ ซื้อหุ้นน้ำมันเพิ่มเป็น 17.4% ด้าน J.P. Morgan คาดกรณีเลวร้ายสุด ราคาน้ำมันจะพุ่งไปถึง 380 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
อ้างอิง: