Hermès ออกมารายงานผลประกอบการของปี 2022 ที่มีรายได้รวมแตะระดับ 11,200 ล้านยูโร หรือราว 412,000 ล้านบาท ซึ่งเติบโตมาจากปี 2021 ถึง 29% ในอัตราแลกเปลี่ยนปัจจุบัน ผลมาจากยอดขายที่ดีในทวีปอเมริกา ฝรั่งเศส และเอเชีย
โดยภูมิภาคที่มีการเติบโตสูงสุดตกเป็นของอเมริกา ทั้งสหรัฐฯ ที่โตขึ้น 32% ผลจากการเปิดร้านสาขาใหม่ที่เมืองออสติน รัฐเท็กซัส และการเปิดแฟลกชิปสโตร์แห่งใหม่ที่ Madison Avenue ที่มหานครนิวยอร์ก ซึ่งมีขนาดใหญ่ถึง 5 ชั้น และมีหนึ่งชั้นที่เป็นแผนกซ่อมแซมสินค้าที่ตอบรับเรื่องนโยบายความยั่งยืนโดยเฉพาะ รวมไปถึงการเปิดร้านที่เมืองกัวดาลาฮารา ประเทศเม็กซิโก หลังจากการปิดปรับปรุงไป
ส่วนฝรั่งเศส ประเทศบ้านเกิดของแบรนด์ ยอดขายเพิ่มขึ้น 27% ซึ่งได้ทั้งลูกค้านักท่องเที่ยวและลูกค้าชาวฝรั่งเศสเอง และการเปิดร้านสาขาใหม่ที่เมืองสตราสบูร์ก ในเดือนพฤศจิกายน ซึ่งเป็นร้านค้าที่ตั้งอยู่ใจกลางย่านเมืองเก่าที่นักท่องเที่ยวต้องมาแวะชม
รวมไปถึงเอเชียที่โตขึ้น 22% จากทั้งเกาหลีใต้ ฮ่องกง และจีน ตามมาด้วยญี่ปุ่น ที่คิดแยกออกมาจากประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งมีการเติบโตสูงถึง 20% จากการเปิดร้านที่ห้าง Takashimaya ในเมืองนาโกย่า และนิทรรศการ Hermès in the Making ที่โชว์เรื่องงานฝีมือของแบรนด์ในเมืองเกียวโต
ซึ่งหมวดหมู่สินค้าที่ยังเป็นที่ชื่นชอบของลูกค้ามากที่สุด 3 อันดับแรก ยังเป็นเครื่องหนัง และอานม้าที่ทำไป 4,963 ล้านยูโร ตามมาด้วยเสื้อผ้า Ready-to-Wear ที่ 3,152 ล้านยูโร และหมวดสินค้าอื่นๆ (เครื่องประดับและของแต่งบ้าน) 1,371 ล้านยูโร
Axel Dumas ซีอีโอของ Hermès สรุปภาพรวมของปีที่ผ่านมาว่า “ปี 2022 ถือว่าเป็นปีที่สุดยอด ต้องขอบคุณผลประกอบการที่ดีในตลาดต่างประเทศ ซึ่งความสำเร็จนี้เป็นแรงผลักดันให้เราเป็นบริษัทที่รักษาเรื่องงานฝีมือ โดยเฉพาะในฝรั่งเศส และเป็นแบรนด์ที่ผลิตสินค้าที่ใช้งานได้จริง มีดีไซน์ที่โดดเด่น และคุณภาพที่ไม่เป็นรองใคร และเป็นปีที่เราเน้นย้ำเรื่องความรับผิดชอบ และธุรกิจที่มีความยั่งยืน”
ภาพ: Elisabetta A. Villa / Getty Images
อ้างอิง:
