ในโอกาสที่ THE STANDARD ได้สัมภาษณ์พิเศษ 2 หนุ่ม ฮาย-ธันวา เกตุสุวรรณ และ เซน-นครินทร์ ขุนภักดี วง Paper Planes ค่าย genie records เจ้าของเพลงฮิตติดหู ‘ทรงอย่างแบด (Bad Boy)’ ที่เวลานี้เขาทั้งคู่กำลังถูกยกย่องให้เป็นหัวหน้าแก๊งเด็กฟันน้ำนม หลังสร้างปรากฏการณ์เป็นเพลงแห่งชาติขวัญใจเด็กๆ
ปรากฏการณ์วันเด็กแห่งชาติเมื่อวันที่ 14 มกราคมที่ผ่านมา Paper Planes ได้เปิดคอนเสิร์ตที่สวนสัตว์ซาฟารีเวิลด์ นับว่าเป็นคอนเสิร์ตครั้งแรกในชีวิตที่มีจำนวนผู้ชมเป็นเด็กมากที่สุด ในวันนั้นสังคมได้ตั้งข้อสงสัยเกี่ยวกับรอยสักและการแต่งตัวที่ดูมิดชิด นำหูฟังมาคล้องเพื่อปกปิดรอยสักหรือไม่
ฮายตอบคำถามนี้ว่า ที่เราแต่งตัวแบบนั้น เพราะมองว่าเป็นเรื่องของกาลเทศะ ไม่ใช่ใส่เพื่อปกปิดรอยสักแต่อย่างใด “เมื่อมันเรียบร้อยจะทำให้เราดูซอฟต์ลง เมื่อเราดูซอฟต์ลงทำให้เราคุยกับผู้ใหญ่ได้ง่ายขึ้น” จริงๆ ส่วนตัวอยากให้เรื่องรอยสักเป็นเรื่องปกติ เราก็ไม่ได้เปิดทั้งหมด และไม่ได้ปิดทั้งหมดเช่นกัน
ฮายมองเรื่องการสักว่าไม่ได้มีผลเสียอะไรหากสักในช่วงเวลาที่เหมาะสม การสักนั้นมีวิธีคิดเหมือนกับเรื่องอื่นๆ “เหตุผลที่เด็กยังไม่ควรสักในตอนนี้ ไม่ใช่แค่เรื่องของภาพลักษณ์เท่านั้น แต่เป็นเรื่องของความรับผิดชอบบางอย่างด้วย”
ปัจจุบันเรายังอยู่ร่วมกับคนในหลายเจเนอเรชัน หากเราสักในเวลาที่ไม่เหมาะสมอาจจะถูกตัดสินจากรูปลักษณ์ภายนอกได้ แม้สังคมจะพยายามรณรงค์ในเรื่องของการไม่ตัดสินผู้อื่น แต่ก็ยังไม่ได้หมดไป การสักในเวลาที่เหมาะสมน่าจะดีกว่า และรอยสักไม่ได้มีปัญหาอะไรกับเรื่องของวิธีคิด แต่เปรียบเหมือนการแต่งตัว
ทั้งนี้ ผู้อ่าน ผู้ติดตาม สามารถอ่านบทสัมภาษณ์ฉบับเต็ม Paper Planes กับปรากฏการณ์ ‘ทรงอย่างแบด’ เพลงชาติวัยรุ่นฟันน้ำนม ที่ทุกผลงานคือความจริงใจ ได้จากลิงก์นี้ https://thestandard.co/interview-paper-planes/
