บางครั้งชีวิตมันก็คาดเดาอะไรไม่ถูกจริงๆ เหมือนกับโชคชะตาของ เวาต์ เวกฮอร์สต์ ศูนย์หน้าทีมชาติเนเธอร์แลนด์ ที่จู่ๆ ก็มีโอกาสจะได้ย้ายมาอยู่กับหนึ่งในสุดยอดสโมสรของโลกอย่างแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในฐานะตัวแทนของ คริสเตียโน โรนัลโด กองหน้าที่เก่งกาจที่สุดคนหนึ่งในประวัติศาสตร์
เรื่องนี้หากพูดกันก่อนสัก 2-3 สัปดาห์ก็อาจถูกหาว่าละเมอได้ เพียงแต่ทิศทางข่าวล่าสุดดูเหมือนจะมีความเป็นไปได้สูงมากขึ้นเรื่อยๆ ที่กองหน้าวัย 30 ปี ซึ่งล้มเหลวอย่างสิ้นเชิงกับเบิร์นลีย์ จนถูกแซวว่าเป็น ‘Burnley Flop’ จะเก็บข้าวของมาอยู่ที่โรงละครแห่งความฝัน
เวกฮอร์สต์ ซึ่งลงสนามในเกมซูเปอร์ลีก ตุรกี ทำประตูให้เบซิคตัสได้ในเกมที่พบกับกาซิมปาซา ก่อนที่จะมีการโบกมือคล้ายเป็นการอำลาแฟนๆ
แต่การย้ายทีมของเวกฮอร์สต์จะเป็นไปได้จริงหรือไม่? และทำไม เอริก เทน ฮาก ถึงอยากได้กองหน้าร่างยักษ์รายนี้มาร่วมทีม?
คริสเตียโน โรนัลโด แตกหักกับแมนฯ ยูไนเต็ด ทำให้โควตาในแดนหน้าว่างลง
จากโรนัลโด กักโป มาถึงเวกฮอร์สต์
ความสนใจในตัวเวกฮอร์สต์ของแมนฯ ยูไนเต็ด เกิดขึ้นด้วยเหตุผลที่เข้าใจได้ง่ายๆ นั่นคือการยกเลิกสัญญากับ คริสเตียโน โรนัลโด ศูนย์หน้า (อดีต) ขวัญใจแฟนๆ ซึ่งจบความสัมพันธ์กันอย่างร้าวรานในเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา
การจากไปของโรนัลโดทำให้แมนฯ ยูไนเต็ด ขาดแคลนผู้เล่นในตำแหน่ง ‘ศูนย์หน้าตัวเป้า’ ไปหนึ่งคน โดยแม้จะมี อองโตนี มาร์กซิยาล รวมถึงมี มาร์คัส แรชฟอร์ด ที่พร้อมจะลงสนามได้ แต่ขุมกำลังเท่านี้อาจไม่เพียงพอ และเสี่ยงเกินไปสำหรับฟุตบอลอังกฤษที่ยังเหลือโปรแกรมแข่งอีกครึ่งฤดูกาล ในเกมยูโรปาลีกบางนัด แฮร์รี แม็กไกวร์ (ซึ่งก็มีข่าวจะย้ายทีมอีกคน) ยังถูกดันขึ้นไปยืนกองหน้าเลย
เพราะอย่าลืมว่าตอนนี้พวกเขาขาด จาดอน ซานโช ที่ยังไม่พร้อมจะกลับมาทำหน้าที่ในสนามจากปัญหาสภาพจิตใจและร่างกายไปอีกคน และโดยสภาพร่างกายของมาร์กซิยาลแล้วเป็นนักเตะที่มีประวัติอาการบาดเจ็บบ่อยและง่ายอยู่แล้ว
ก่อนหน้านี้แมนฯ ยูไนเต็ด มีข่าวกับ โคดี กักโป กองหน้าทีมชาติเนเธอร์แลนด์ ที่เป็นเป้าหมายมานานและมีการพูดคุยกันมาตลอดจนคิดว่าน่าจะได้ย้ายมาร่วมทีม แต่สุดท้ายฝ่ายบริหารของสโมสรมองว่ากองหน้าวัย 23 ปีรายนี้ไม่ใช่นักเตะ ‘หมายเลข 9’ ในแบบที่ทีมต้องการจริงๆ อีกทั้งทีมมีงบประมาณจำกัด จึงปล่อยให้ลิเวอร์พูลที่จำเป็นต้องเสริมทัพในแนวรุกตัดหน้าคว้าตัวไปร่วมทีม
เป้าหมายที่เป็นไปได้จึงกลายเป็นนักเตะในกลุ่มที่สามารถจะ ‘ยืมตัว’ มาร่วมทีมหรือเซ็นสัญญาได้แบบอิสระ ซึ่งก็มีตั้งแต่ตัวชื่อชั้นดีอย่าง ชูเอา เฟลิกซ์ จากแอตเลติโก มาดริด, แว็งซ็อง อาบูบาการ์ และล่าสุดคือเวกฮอร์สต์ที่ดูเป็นเป้าหมายจริงจัง
เวกฮอร์สต์เป็นนักเตะในสังกัดของเบิร์นลีย์ ซึ่งซื้อตัวมาจากโวล์ฟสบวร์กด้วยค่าตัว 12 ล้านปอนด์เมื่อเดือนมกราคมปีกลาย แต่ไม่สามารถทำผลงานได้ยอดเยี่ยมเหมือนในบุนเดสลีกา โดยทำได้แค่ 2 ประตูจากการลงสนาม 20 นัดเท่านั้น ซึ่งเมื่อทีม ‘เดอะ คลาเร็ตส์’ ตกชั้น ก็ถูกปล่อยตัวให้เบซิคตัสยืมตัวใช้งานในสัญญายาวตลอดฤดูกาลนี้
จุดเด่นของศูนย์หน้ารายนี้คือ รูปร่างสูงใหญ่และสัญชาตญาณในการจบสกอร์ที่ยอดเยี่ยม ซึ่งภาพชัดเจนคือเกมฟุตบอลโลก 2022 ที่เขาลงสนามมาและสามารถช่วยทำ 2 ประตูให้เนเธอร์แลนด์ไล่ตีเสมออาร์เจนตินาได้อย่างสุดเหลือเชื่อ (ไม่นับความปั่นที่ป่วนจน ลิโอเนล เมสซี ถึงกับไม่อยากพูดดีด้วยหลังเกมจบ)
โดยหนึ่งในประตูที่ทำได้ก็มาจากการเอาชนะ ลิซานโดร มาร์ติเนซ กองหลังจอมแกร่งของแมนฯ ยูไนเต็ด ในการขึ้นโขกได้แบบสบายๆ เพราะส่วนสูงต่างกันมาก
นอกจากนี้ยังมีตัวเลขสถิติในการเพรสซิ่งที่ดีอย่างมากด้วย ทั้งๆ ที่มีรูปร่างสูงใหญ่ ซึ่งตรงนี้ตอบโจทย์ที่ เอริก เทน ฮาก ต้องการพอดี และเป็นสิ่งที่โรนัลโดให้เขาไม่ได้ด้วยขีดจำกัดของซูเปอร์สตาร์วัย 37 ปีที่อ่อนในเรื่องเพรสซิ่ง
ลงไปเล่นงานอาร์เจนตินาจนเกือบร่วงตกรอบฟุตบอลโลกมาแล้ว
ข้อตกลง 3 ฝ่าย และความหัวหมอของเบซิคตัส
โอเค! ตอนนี้แมนฯ ยูไนเต็ด อยากได้ และเวกฮอร์สต์ใจก็มาเรียบร้อยแล้ว โดยมีรายงานว่า ได้แจ้งต่อทีมตุรกีแล้วว่าเขาต้องการที่จะย้ายไปสโมสรในพรีเมียร์ลีก แต่มันยังติดปัญหานิดๆ หน่อยๆ สำหรับการย้ายทีม
โดยปัญหาเดียวสำหรับการเจรจาครั้งนี้คือ การที่เบิร์นลีย์ไม่มีข้อตกลงในการยกเลิกสัญญายืมตัวกับเบซิคตัส ซึ่งทำให้ทางเดียวที่จะมีการย้ายทีมเกิดขึ้นได้คือ ต้องมีการยกเลิกสัญญาการยืมตัวกันก่อน
ตรงนี้เองเบซิคตัส ซึ่งเป็นทีมที่ขอยืมตัวเขามาแท้ๆ แอบหวังว่าจะได้ ‘อะไรนิดๆ หน่อยๆ’ จากการยอมเปิดทางครั้งนี้
“มันก็ควรจะมีรางวัลให้กับเราบ้างถ้าเรายินยอมยกเลิกสัญญา ยกตัวอย่างเช่น ถ้าเบิร์นลีย์บอกว่าเวกฮอร์สต์จะต้องย้ายไปทีมนี้และจะยอมแบ่งเงินค่าตัวให้เราครึ่งหนึ่ง เราก็พร้อมจะเจรจาและพูดคุยกับพวกเขา”
มุมนี้เบซิคตัสหัวหมอพอสมควร เพียงแต่ในมุมของพวกเขาแล้ว เวกฮอร์สต์นั้นแม้จะย้ายมาแค่ 5 เดือน แต่ก็เป็นดาวเด่นขวัญใจแฟนบอลไปเรียบร้อยแล้ว และทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมด้วยการยิงไปถึง 9 ประตูจากการเล่น 18 นัด การสูญเสียนักเตะในระดับนี้ไปกลางฤดูกาลคือความเสียหายร้ายแรงของทีม
อีกทั้งสโมสรเองก็มีสถานะทางการเงินไม่ดีนัก หากมีช่องทางจะหาเงินได้เล็กๆ น้อยๆ ต่อให้จะถูกมองว่าเอาเปรียบเบิร์นลีย์ ก็ดีกว่าไม่ได้อะไรเลยจากเรื่องนี้
อย่างไรก็ดี เชื่อว่าการเจรจาไม่น่ามีปัญหาสำหรับแมนฯ ยูไนเต็ด ในการใช้เงินแก้ปัญหาในเรื่องนี้ ซึ่งจะถูกกว่าการจ่ายค่ายืมตัว ชูเอา เฟลิกซ์ ให้แอตเลติโก มาดริด 16 ล้านปอนด์ และผูกมัดด้วยการซื้อขาดในค่าตัว 70 ล้านปอนด์ในอนาคต ซึ่งอย่าลืมว่าเวลานี้แมนฯ ยูไนเต็ด อยู่ในระหว่างการหาเจ้าของสโมสรใหม่ การลงทุนมหาศาลหลังจากที่เพิ่งจ่ายเงินไปร่วม 200 ล้านปอนด์ในช่วงตลาดฤดูร้อนที่ผ่านมาเป็นเรื่องไม่ง่ายนัก
ดังนั้นเชื่อว่าหากการพูดคุยระหว่าง 3 ฝ่าย คือ เบิร์นลีย์ เบซิคัส และแมนฯ ยูไนเต็ด เป็นไปด้วยดี ยักษ์โขมดเจ้าของส่วนสูง 6 ฟุต 6 นิ้ว น่าจะได้กลับมาเล่นในอังกฤษอีกครั้งที่โรงละครแห่งความฝัน
ส่วนจะเป็นการ ‘แก้ขัด’ ที่ดีหรือไม่สำหรับ เอริก เทน ฮาก ที่ตอนนี้ยิ่งคุมทีมก็ยิ่งหล่อ เพราะผลงานดีเหลือเกิน ต้องให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์กัน
อ้างอิง: