สำนักข่าว Bloomberg รายงานรวมรวมความเห็นของนักวิเคราะห์และนักกลยุทธ์การลงทุนจากสถาบันการเงินชั้นนำที่ออกมาแสดงความเห็นว่าในปี 2023 ที่กำลังจะมาถึงนี้เป็นจังหวะดีที่จะเข้าไปลงทุนในตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชีย โดยเฉพาะตลาดหุ้นในแถบเอเชียเหนืออย่างจีนและเกาหลีใต้ โดยได้อานิสงส์จากการที่ประเทศจีนจะกลับมาเปิดประเทศอีกครั้ง ส่วนในเกาหลีใต้ก็คือแรงผลักดันจากอุตสาหกรรมการผลิตชิปของประเทศ
ทั้งนี้ นักยุทธศาสตร์ของ Goldman Sachs Group Inc. คาดว่านักลงทุนชั้นนำในเอเชียจะปรับกลยุทธ์ลงทุน โดยเปลี่ยนโฟกัสจากเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และอินเดีย ไปสู่ตลาดหุ้นจีนและเกาหลีในปีหน้า ขณะที่ Societe Generale SA พุ่งความสนใจไปที่ตลาดหุ้นไต้หวัน เนื่องจากมองว่าอุตสาหกรรมการผลิตชิปของไต้หวัน ทำให้หุ้นไต้หวันน่าดึงดูด สอดคล้องกับความเห็นของทาง Jefferies Financial Group Inc. ที่มองว่า เอเชียเหนือเป็นตลาดที่มีโอกาสลงทุนทำกำไร
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
- ไขคำตอบ…ทำไม หุ้นเวียดนาม ดิ่งเกือบจะหนักสุดของโลก ล้างภาพดาวรุ่งแห่งเอเชีย
- จับตา! หุ้นฮ่องกง ดีดกลับจริงหรือแค่ชั่วคราว หลังผู้นำจีนส่งสัญญาณหนุนตลาดหุ้นอีกครั้ง
- ส่อง 9 ตลาดหุ้นเอเชีย ‘อินโดนีเซีย’ แชมป์เงินไหลเข้ามากสุด และเป็นตลาดหนึ่งเดียวที่ยืนบวก
ทั้งนี้ ตลอดทั้งปี 2022 ที่ผ่านมา หุ้นที่จดทะเบียนในฮ่องกง เกาหลี และไต้หวัน ร่วงลงเกือบทั้งหมด โดยส่วนใหญ่เป็นหุ้นที่พึ่งพาเศรษฐกิจของจีนอย่างหนัก ซึ่งเศรษฐกิจจีนในช่วงที่ผ่านมาตกอยู่ในสภาวะถูกกดดันจากนโยบาย Zero-COVID อย่างเข้มงวด และวิกฤตทรัพย์สินลงทุนต่างๆ ตรงข้ามกับความเคลื่อนไหวและอุปสงค์ที่เติบโตได้ดีในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และอินเดีย ทำให้ตลาดหุ้นในอาเซียนและอินเดียปีนี้มีความคึกคักมากกว่า
Alexander Redman หัวหน้านักกลยุทธ์หุ้นของ CLSA กล่าวว่า เอเชียตะวันออกเฉียงใต้เริ่มมีการซื้อขายที่เบาบางลงในช่วง 2-3 สัปดาห์ที่ผ่านมา และนักลงทุนเริ่มหมุนเวียนกลับเข้ามาลงทุนในตลาดเอเชียเหนือ
ทั้งนี้ หุ้นสำคัญในตลาดฮ่องกงปรับตัวเพิ่มขึ้นแล้วประมาณ 20% นับตั้งแต่ต้นเดือนพฤศจิกายน แซงหน้าส่วนที่เหลือของเอเชียและประเทศอื่นๆ ทั่วโลกได้อย่างง่ายดาย เนื่องจากจีนเรียกร้องให้จำกัดการแพร่ระบาดของโควิดที่ตรงเป้าหมายมากขึ้น และกระตุ้นนโยบายการสนับสนุนภาคอสังหาริมทรัพย์
ขณะเดียวกัน มีรายงานว่า นักลงทุนต่างชาติเริ่มเทเงินเข้าซื้อหุ้นไต้หวัน 5.8 พันล้านดอลลาร์ในเดือนนี้ เป็นไปตามการไหลเข้าครั้งแรกในรอบ 6 เดือน และใหญ่ที่สุดในรอบ 15 ปี ด้านการซื้อหุ้นเกาหลีใต้สุทธิคาดว่าจะเกิน 2 พันล้านดอลลาร์เป็นเดือนที่ 2 ติดต่อกัน
Desh Peramunetilleke นักกลยุทธ์ของ Jefferies ระบุว่า ปัจจัยบวกจากการทยอยเปิดประเทศของจีน รวมกับนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง การผ่อนคลายนโยบาย Zero-COVID และความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ที่มีสัญญาณผ่อนคลาย ทำให้เหล่าโบรกเกอร์ทั้งหลายให้น้ำหนักกับหุ้นฮ่ององ จีน เกาหลีใต้ และไต้หวัน มากขึ้น ขณะที่หุ้นอาเซียน อินโดนีเซียและอินเดียให้น้ำหนักไว้ที่กลางๆ แทน
อ้างอิง: