วานนี้ (15 พฤศจิกายน) โดนัลด์ ทรัมป์ อดีตประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ประกาศอย่างเป็นทางการว่า เขาเตรียมลงชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในการเลือกตั้งปี 2024
ในการกล่าวปราศรัยเป็นเวลากว่า 1 ชั่วโมงที่รีสอร์ตมาร์อาลาโก (Mar-a-Lago) เมื่อวานนี้ ทรัมป์ได้ประกาศกับผู้สนับสนุนหลายร้อยคนว่า “เพื่อสร้างอเมริกาที่ยิ่งใหญ่อีกครั้งหนึ่ง ผมขอประกาศลงชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในค่ำคืนนี้…เมื่อสองปีที่ผ่านมาเราเคยเป็นชาติที่ยิ่งใหญ่มาก่อน และในอนาคตอันใกล้นี้ เราจะกลับมายิ่งใหญ่อีกครั้ง” โดยอ้างถึงในสมัยที่เขาเคยดำรงตำแหน่งผู้นำประเทศ ก่อนที่จะพ่ายให้กับ โจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนปัจจุบัน ในการเลือกตั้งเมื่อปี 2020
ในระหว่างการปราศรัย ทรัมป์กล่าวว่า เขาจะผลักดันการบังคับใช้โทษประหารชีวิตแก่ผู้ค้ายาเสพติด และกลับมาจ้างงานสมาชิกกองทัพที่ถูกปลดออกจากตำแหน่งไปก่อนหน้านี้ เนื่องจากปฏิเสธที่จะฉีดวัคซีนป้องกันโควิด โดยเป็นที่น่าสังเกตว่า ถ้อยคำของทรัมป์เมื่อคืนนี้ไม่ได้กล่าวอ้างถึงเรื่องการทุจริตในการเลือกตั้งปี 2020 อย่างที่เขามักใช้โจมตีรัฐบาลไบเดนอยู่บ่อยครั้ง อีกทั้งยังไม่ได้กล่าวถึงเหตุความรุนแรงที่อาคารรัฐสภาเมื่อวันที่ 6 มกราคม 2021 ด้วย
อย่างไรก็ตาม หนทางในการชิงตำแหน่งประธานาธิบดียังคงอีกยาวไกล เพราะภายในพรรครีพับลิกันเองก็จะต้องมีกระบวนการคัดเลือกผู้สมัครลงชิงตำแหน่งที่จะเป็นตัวแทนของพรรคอย่างเป็นทางการ โดยสื่อคาดการณ์ว่า คู่แข่งคนสำคัญของทรัมป์ในขณะนี้คือ รอน เดอซานติส ผู้ว่าการรัฐฟลอริดาที่คว้าชัยชนะอย่างถล่มทลายในการเลือกตั้งกลางเทอมที่ผ่านมา
นอกจากเดอซานติสแล้ว ยังมีสมาชิกพรรครีพับลิกันคนอื่นๆ ที่อาจสมัครชิงตำแหน่งตัวแทนพรรครีพับลิกัน เช่น ไมค์ เพนซ์ อดีตรองประธานาธิบดีสหรัฐฯ, ลิซ เชนีย์ ลูกสาวของอดีตรองประธานาธิบดีดิก เชนีย์, ไมค์ ปอมเปโอ อดีตรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ, เกลนน์ ยังคิน ผู้ว่าการรัฐเวอร์จิเนีย และ นิกกิ ฮาร์เลย์ อดีตผู้ว่าการรัฐเซาท์แคโรไลนา และอดีตเอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำสหประชาชาติ
สำหรับความคิดเห็นของชาวอเมริกัน โดยอ้างอิงจากเอ็กซิตโพลของ Edison Research ระบุว่า 7 ใน 10 ของผู้มีสิทธิเลือกตั้งเห็นว่า ไบเดนไม่ควรลงชิงตำแหน่งผู้นำประเทศเป็นสมัยที่สอง ส่วน 6 ใน 10 ระบุว่า พวกเขาไม่ชื่นชอบทรัมป์สักเท่าไร ซึ่งต้องติดตามกันต่อไปว่า ในท้ายที่สุดใครที่จะได้เป็นตัวแทนจากทั้งสองพรรค เพื่อสู้ศึกชิงเก้าอี้ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในปี 2024
ภาพ: Joe Raedle / Getty Images
อ้างอิง: