วันนี้ (6 พฤศจิกายน) จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนถึงการเปิดตัวว่าที่ผู้สมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) จังหวัดนครราชสีมา
จุรินทร์กล่าวว่า สองคนนี้ถือว่าเป็นผู้สมัครในพื้นที่เป้าหมายที่ตนมั่นใจว่าจะได้รับความไว้วางใจจากพี่น้องชาวโคราช แต่เราไม่ได้มีเท่านี้ ยังมีว่าที่ผู้สมัครท่านอื่นๆ ที่เราเปิดตัววันนี้ต้องถือว่ามีศักยภาพ และทุกคนมีความรู้ ความสามารถ ที่พร้อมจะเป็นผู้แทนได้ ซึ่งเชื่อว่าทุกคนมีโอกาสได้รับการเลือกตั้งไม่ต่างกัน เพราะกว่าเราจะคัดเลือกผู้สมัครได้ก็ใช้เวลาและดูคนที่มีศักยภาพจริงๆ ครั้งนี้เป็นอีกครั้งหนึ่งที่ต้องถือว่าพรรคประชาธิปัตย์พร้อมที่สุดยุคหนึ่งสำหรับการเตรียมผู้สมัครในภาคอีสาน ซึ่งจะได้ทยอยเปิดตัวไปเรื่อยๆ ในอีกหลายจังหวัด รวมทั้งที่จังหวัดนครราชสีมาจะมีชุดอื่นๆ ถัดไปจนกระทั่งครบ 16 เขต ซึ่งมีคนรุ่นใหม่หลายคนที่ตนมั่นใจว่าจะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดอีกทางหนึ่งสำหรับชาวโคราช
สำหรับปัญหาพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) กัญชา กัญชง ที่มีการกระทบกระทั่งระหว่างพรรคร่วมรัฐบาลนั้น จุรินทร์ทร์กล่าวว่า เรื่องนี้โฆษกพรรคพูดไปแล้ว ตนโตเกินกว่าที่จะไปพูดเรื่องเสาไฟฟ้าแล้ว ขออนุญาตที่จะไม่พูดเรื่องนี้อีก แต่แน่นอนว่าไม่ต้องห่วง เวลาประชาธิปัตย์ตัดสินใจอะไร ทำอะไร พร้อมตอบคำถามประชาชนอยู่แล้ว ทั้งหมดก็ฟังประชาชนมาว่าเขามีความรู้สึกอย่างไรกับเรื่องกัญชาเสรี แล้วก็เป็นห่วงบ้านเมือง เป็นห่วงอนาคตขนาดไหน ถ้าประชาธิปัตย์พึ่งไม่ได้อีกพรรคหนึ่ง แล้วประชาชนจะพึ่งใคร
เพราะฉะนั้นทั้งหมดนี้เป็นไปเพราะเราต้องการทำหน้าที่พรรคการเมืองที่จะให้เป็นที่พึ่งของประชาชนได้ เราจึงตัดสินใจว่าทางเลือกที่ดีที่สุดสำหรับอนาคตประเทศระยะยาวและผลประโยชน์สูงสุดคืออะไร เราได้ตัดสินใจไปและพร้อมตอบคำถาม
“ประชาธิปัตย์เป็นสถาบันการเมือง การจะทำอะไรก็คิดถึงทั้งอดีต ปัจจุบัน และอนาคต ไม่ใช่พรรคเฉพาะกิจ ตอบเฉพาะครั้งนี้แล้วไปตายเอาดาบหน้าไม่ใช่พวกเรา เพราะฉะนั้นขอให้มั่นใจว่าถ้าประชาธิปัตย์ตัดสินใจอะไร คำนึงหมดแล้ว คิดทั้งหน้า ทั้งหลัง และทั้งหมด ครบถ้วน และเป็นประโยชน์สูงสุดกับบ้านเมืองแน่นอน เพราะเรายังต้องตอบคำถามวันหน้าด้วย ไม่ใช่ตอบเฉพาะที่จะลงมติวันสองวันนี้เท่านั้น ประชาธิปัตย์ยังต้องอยู่อีกนาน” จุรินทร์กล่าว
ส่วนที่มีการระบุว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นเป็นปัญหาทางการเมืองนั้น จุรินทร์กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นปัญหาอนาคตของบ้านเมืองระยะยาว ไม่ใช่ปัญหาการเมือง ไม่ได้แปลว่าใครตัดสินใจอะไรไม่ตรงกับเราแล้วจะเป็นเรื่องการเมือง ถ้าเป็นอย่างนั้นตนเห็นว่ามันตื้นเกินไป และปรามาสคนอื่นมากเกินไป คนอื่นก็มีความคิดเป็นของตัวเอง คำนึงถึงประโยชน์บ้านเมืองเหมือนกัน เพราะฉะนั้นตัดสินใจทำอะไรจึงไม่ใช่การเมือง แต่เป็นเรื่องบ้านเมือง เรื่องนี้ตนไม่ประสงค์จะพูดแล้ว เพราะต่อความยาวสาวความยืดไปก็ไม่มีประโยชน์
“ขอให้อยู่ที่การตัดสินใจ การลงมือทำของพวกเรา แล้วมันจะเป็นเครื่องพิสูจน์ เป็นคำตอบต่อไปอีกยาวนานในอนาคตว่าสิ่งที่เราตัดสินใจมันถูกต้องหรือไม่ เพื่อประโยชน์ของบ้านเมืองระยะยาวจริงหรือไม่ ตรงกับใจประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศขณะนี้ที่เป็นห่วงใช่หรือไม่ มันจะมีคำตอบในตัวของมันเอง ที่เราตัดสินใจนี้ประโยชน์ส่วนตัวมีหรือไม่ หรือว่าเป็นเรื่องประโยชน์ส่วนรวมแท้ๆ เราห่วงอนาคตบ้านเมืองจริงๆ ใช่หรือไม่ มันมีคำตอบแน่นอน ไม่ต้องห่วง ไม่ต้องมาบอกเรา เราคิดเป็น เราตัดสินใจเองเป็น และเราคำนึงถึงประโยชน์บ้านเมืองเองเป็น ไม่อย่างนั้นอยู่ไม่ได้จนถึงวันนี้ ตั้ง 76 ปี จะไป 78 หรือ 79 ปีต่อไป แล้วจะไม่พูดอีกแล้วนะ” จุรินทร์กล่าว
ผู้สื่อข่าวยังถามอีกว่า เรื่องนี้จะกลายเป็นปัญหารอยร้าวต่อไปหรือไม่ จุรินทร์กล่าวว่า เราต้องเคารพจุดยืนทางการเมืองในการทำงานร่วมกัน ไม่ว่าในฐานะพรรคร่วมรัฐบาลหรือในฐานะสมาชิกรัฐสภาด้วยกัน เราต้องเคารพความเห็นอื่นที่เป็นความเห็นต่าง ไม่ใช่ใครไม่เห็นด้วยกับเรา คิดไม่ตรงกับเรา แล้วเรามาใช้อารมณ์กับคนที่เขาไม่เห็นด้วยกับเรา อันนี้นับหนึ่งก็คิดผิดแล้ว หรือนับหนึ่งก็ทำผิดแล้ว ถ้าใช้วิธีนี้ ถ้าเราไม่เคารพกัน บ้านเมืองจะเป็นประชาธิปไตยได้อย่างไร เพราะประชาธิปไตยจะต้องเคารพความเห็นต่าง
ส่วนคำถามที่ว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) จะมีโอกาสพูดคุยเพื่อปรับความเข้าใจกันหรือไม่ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์กล่าวว่า เรื่องนี้ไม่เป็นไร การตัดสินใจอะไรบนพื้นฐานความถูกต้องนำไปสู่สิ่งที่ดีงามเสมอ ไม่ว่าจะด้วยวิธีทางการเมืองอย่างไรหรือด้วยวิถีทางไหนก็ตาม
“ผมมีวุฒิภาวะ ไม่ต้องห่วง ทำงานการเมืองมายาวนาน มีประสบการณ์ตามสมควร เป็นผู้แทนมาหลายสมัยแล้ว ผมรู้ว่าอะไรคือสิ่งที่ถูก อะไรคือสิ่งที่ควร อะไรคือประโยชน์ส่วนรวม อะไรคือประโยชน์ส่วนตัว เรามีความปรารถนาดีต่อบ้านเมือง การทำงานร่วมกัน อะไรควรทำอย่างไรไม่ต้องห่วง ผมรู้ว่าควรจะทำอะไรอย่างไร ไม่ต้องกังวล ในฐานะพรรคร่วมรัฐบาลเราก็มีหน้าที่ที่จะต้องทำให้รัฐบาลเดินหน้าต่อไปได้” จุรินทร์กล่าว
พร้อมกับเพิ่มเติมอีกด้วยว่า สำหรับ พ.ร.บ.กัญชา กัญชง นี้ไม่ใช่กฎหมายที่ ครม. เสนอ ไม่ใช่กฎหมายรัฐบาล แต่เป็นกฎหมายเฉพาะของพรรคการเมืองพรรคหนึ่ง ซึ่งพรรคอื่นเขาก็มีสิทธิที่จะเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย ไม่ได้แปลว่ามันเป็นกฎหมายของ ครม. ซึ่งถ้าอันนี้มันอาจมีประเด็นทางการเมืองในระบบรัฐสภากำกับว่า ถ้าเป็นพรรคร่วมรัฐบาลก็ต้องยกมือให้ ถ้าไม่ยกมือให้แล้วเกิดแพ้เสียงในสภา รัฐบาลก็ต้องลาออกหรือยุบสภา พรรคการเมืองที่ไม่สนับสนุนรัฐบาลแต่ยังร่วมรัฐบาล เอาแต่การร่วมรัฐบาล แต่ไม่รับผิดชอบร่วมกับรัฐบาล อันนั้นมันจะทำให้รัฐบาลมีปัญหา อยู่ไม่ได้ แต่อันนี้ไม่ใช่กฎหมาย ครม. จะได้ชัดเจน
“สำหรับผม หากไม่จำเป็นก็จะไม่พูดแล้ว อธิบายไปตามสมควรแล้ว ก็เป็นหน้าที่สมาชิกพรรค ซึ่งเขามีสิทธิพูด มีสิทธิให้ความเห็น ในสภาเขาก็คงต้องพูด ต้องชี้แจง อธิบายเหตุผลว่าทำไมเขาถึงเป็นห่วงบ้านเมือง ทำไมเขาไม่สนับสนุนกัญชาเสรี อันนั้นเป็นหน้าที่ ถ้าเขาไม่พูดเขาก็ไม่ทำหน้าที่ แต่สำหรับผม ถ้าจะมาตอบโต้ทางการเมืองนั้น ผมคิดว่าไม่จำเป็นผมจะไม่พูด ยกเว้นถ้ามีประเด็นใหม่ที่จำเป็นขึ้นมา ไม่อธิบายเดี๋ยวเข้าใจผิด เข้าใจไขว้เขว อันนั้นก็ค่อยว่ากัน” จุรินทร์กล่าวทิ้งท้าย