วันนี้ (29 ตุลาคม) สืบเนื่องจากกรณีที่มีแก๊งคอลเซ็นเตอร์สวมรอยเป็นพนักงานขนส่งบริษัทเอกชนติดต่อเรื่องพัสดุผิดกฎหมาย และหลอกเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจภูธร (สภ.) เชียงราย โดยต่อมาศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปอส.ตร.) หรือ PCT ชุดที่ 5 ได้สืบสวนขบวนการนี้จัดเก็บข้อมูลบุคคลเป็นเวลากว่า 6 เดือน
พบว่าเมื่อวันที่ 22 กรกฎาคมที่ผ่านมา มีผู้เสียหายถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์นี้หลอกลวง มูลค่าความเสียหาย 41,517,869 บาท และเมื่อวันที่ 30 กรกฎาคม ได้มีผู้เสียหายซึ่งเป็นแพทย์ได้ถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์นี้หลอกลวงอีก มูลค่าความเสียหาย 101,871,381 บาท ซึ่งนักวิเคราะห์แผนประทุษกรรมของ PCT ชุดที่ 5 ได้วิเคราะห์แผนประทุษกรรมประกอบกับพยานหลักฐานที่สืบสวนได้จากการสืบสวน ยืนยันได้ว่าเป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์ดังกล่าว จึงได้เร่งรัดให้ดำเนินการสืบสวนและจับกุมผู้กระทำความผิดทั้งหมดทั้งต่างประเทศ และในประเทศอย่างต่อเนื่อง
ซึ่งวันนี้ พล.ต.ต. ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวนกองบัญชาการตำรวจนครบาล (ผบก.สส.บช.น.) หัวหน้าชุดปฏิบัติการ PCT ชุดที่ 5 และตำรวจ PCT ชุดที่ 5 ร่วมกันจับกุมตัว ชลวิชา ปานสมุทร อายุ 32 ปี ซึ่งทำหน้าที่เป็นพนักงานสาย 3 ที่ปลอมแปลงเป็นตำรวจชั้นผู้ใหญ่ ตามหมายจับศาลอาญาที่ 2298/2565 ลงวันที่ 28 ตุลาคม 2565
ในข้อหาร่วมกันฉ้อโกงประชาชนโดยการแสดงตนเป็นคนอื่น, ร่วมกันอั้งยี่, ร่วมกันเป็นซ่องโจร, ร่วมกันมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ, ร่วมกันโดยทุจริตฯ นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลอันเป็นเท็จฯ และร่วมกันฟอกเงินฯ
พร้อมตรวจยึดทรัพย์สินประกอบด้วยสมุดบัญชีธนาคาร 2 เล่ม, แหวน กำไร และสร้อยโลหะคล้ายทองคำ น้ำหนักรวม 8 บาท 3 สลึง, นาฬิกาข้อมือ 2 เรือน, เงินสด จำนวน 2,619 บาท, ธนบัตรสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ 1 ดอลลาร์สหรัฐ, ธนบัตรสกุลเงินเรียล 16,500 เรียลกัมพูชา, โทรศัพท์มือถือ 2 เครื่อง รวมของกลางที่ตรวจยึดได้ 16 รายการ โดยจับกุมได้เมื่อวันที่ 28 ตุลาคม
โดย พล.ต.ต. ธีรเดชกล่าวว่า ที่ผ่านมาได้ประสานงานเร่งรัดให้ทางการประเทศกัมพูชาดำเนินการ จนกระทั่งเมื่อวันที่ 17 ตุลาคม เจ้าหน้าที่ตำรวจ PCT ได้เดินทางไปยังเมืองปอยเปต ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจประเทศกัมพูชา เข้าปฏิบัติการทลายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ดังกล่าว แต่เมื่อเจ้าหน้าที่ไปถึงได้พบว่าหัวหน้าชาวไต้หวันได้นำพาพนักงานคอลเซ็นเตอร์คนไทยหลบหนีออกไป
อย่างไรก็ตาม ชลวิชาให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา และให้การว่าได้ร่วมกันกับพวก หลอกลวงผู้เสียหายจริง โดยเริ่มต้นข้ามไปประเทศกัมพูชาทางช่องทางธรรมชาติ เพื่อทำงานเป็นแอดมินเว็บพนันที่เมืองปอยเปต ประเทศกัมพูชา โดยทำเรื่อยมาตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2564 และได้เริ่มหลอกลวงเป็นพนักงานคอลเซ็นเตอร์
