วานนี้ (17 ตุลาคม) ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร พร้อมด้วยผู้บริหาร องค์กรภาคประชาสังคม ผู้แทนสหพันธ์ชมรมผู้สูงอายุกรุงเทพมหานคร และวิทยาลัยประชากรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ร่วมกิจกรรมมอบนโยบายในการจัดทำแผนปฏิบัติการด้านผู้สูงอายุกรุงเทพมหานคร ระยะที่ 3 (พ.ศ. 2566-2570)
จากรายงานพบว่า กรุงเทพมหานครเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุอย่างสมบูรณ์แบบ มีผู้สูงอายุมากกว่า 22% แล้ว บางเขต เช่น สัมพันธวงศ์ ป้อมปราบศัตรูพ่าย มีถึง 32% หลายครั้งที่ลงชุมชนพบว่ามีหลายบ้านที่เป็นผู้ป่วยติดเตียง บางคนเป็นอัลไซเมอร์ อยู่คนเดียวไม่มีใครดูแล อาศัยชุมชนดูแล
ชัชชาติกล่าวว่า ในการทำแผนพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้สูงอายุ อย่างแรกต้องมองก่อนว่าสถานการณ์ปัจจุบันเป็นอย่างไร แต่ละเขตอาจแตกต่างกัน กรอบแต่ละด้าน แนวนโยบายว่าจะทำอะไรบ้างเพื่อผู้สูงอายุ อาจมีหลักสูตรเกี่ยวกับการเตรียมตัวเข้าวัยผู้สูงอายุ การดูแลสุขภาพ การเดินทาง อาจต้องคิดละเอียดทุกมิติ ทุกหน่วยงานเกี่ยวข้อง และเรื่องสำคัญคือต้องมีแผนปฏิบัติการ ซึ่งหากแผนปฏิบัติการชัดผู้ปฏิบัติก็ทำต่อได้ และมีตัวชี้วัดที่ดี
นอกจากนี้นโยบายต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับผู้สูงอายุ สามารถเป็นแผนปฏิบัติการที่ปฏิบัติได้ เห็นแล้วรู้และทำได้เลย เช่น นโยบายการสอนเทคโนโลยีให้ผู้สูงอายุที่เป็นอีกช่องทางหนึ่งที่ช่วยให้ผู้สูงอายุเข้าถึงข้อมูลและบริการต่างๆ ได้ดีขึ้น นโยบายสวน 15 นาที โครงการขยายเตียงรองรับผู้สูงอายุแต่เป็นการขยายเตียงในบ้านไม่ใช่ในโรงพยาบาล ระบบเยี่ยมบ้าน
สำหรับการจัดทำแผนปฏิบัติการด้านผู้สูงอายุกรุงเทพมหานคร ระยะที่ 3 (พ.ศ. 2566-2570) กรุงเทพมหานคร (กทม.) โดยสำนักอนามัย ร่วมกับ วิทยาลัยประชากรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย นำผลการประเมินแผนฯ ระยะที่ 2 มาเป็นข้อมูลนำเข้าในการจัดทำแผนฯ และจะมีการจัดประชุมระดมความคิดเห็นจากผู้บริหาร ผู้ปฏิบัติงาน และผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกภาคส่วน
มีการวิพากษ์ร่างแผนฯ จัดทำรูปเล่ม และจัดประชุมชี้แจงหน่วยงานและผู้เกี่ยวข้อง กำหนดระยะเวลา 180 วัน โดยมีเป้าหมายคือเกิดแผนบูรณาการงานด้านผู้สูงอายุของ กทม. เน้นการมีส่วนร่วมจากทุกภาคส่วน สอดรับกับแผนยุทธศาสตร์ชาติ เพื่อบรรลุวิสัยทัศน์ของแผนฯ ระยะที่ 3 ที่กล่าวว่าผู้สูงอายุมีคุณภาพชีวิตดี มีหลักประกันมั่นคง เป็นพลังพัฒนาสังคม
และสอดคล้องกับนโยบายของ กทม. ชมรมผู้สูงอายุ สร้างสุขภาพ ส่งเสริมสุขภาพใจ (Active Aging) โดยสนับสนุนการรวมกลุ่มและอำนวยความสะดวกให้เกิดการจัดตั้งชมรมผู้สูงอายุ สนับสนุนความรู้และจัดหากิจกรรมให้กับชมรมผู้สูงอายุ รวมทั้งให้ความรู้เกี่ยวกับการเขียนโครงการขอรับเงินกองทุนหลักประกันสุขภาพ กทม. เพื่อให้ผู้สูงอายุในกรุงเทพฯ มีสุขภาพจิตที่ดีและสุขภาพกายที่แข็งแรง เป็นคลังปัญญาให้กับกรุงเทพฯ และเยาวชนต่อไป
