กว่า 26 ปี ที่บริษัท สมาร์ท เซอร์วิส แอนด์ แมเนจเม้นท์ จำกัด (SMART) ในเครือเอพี ไทยแลนด์ ผู้นำด้านการบริหารจัดการโครงการอสังหาริมทรัพย์แบบครบวงจร มอบคุณภาพด้านการบริหารจัดการโครงการอสังหากว่า 360 โครงการ เพื่อสร้างการอยู่อาศัยมาตรฐานสากลและมีประสิทธิภาพสูงสุด ภายใต้พันธกิจหลักในการเป็นเบื้องหลังรอยยิ้มในทุกมิติของการอยู่อาศัย และมุ่งมั่นที่จะสร้างชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีให้แก่ผู้อยู่อาศัยและสังคมที่เราดูแล จนสามารถขึ้นแท่นเบอร์ 1 แบรนด์ที่อยู่ในใจลูกบ้าน และครองส่วนแบ่งอันดับ 1 ในกรุงเทพฯ และปริมณฑล
เบื้องหลังศักยภาพผู้นำในธุรกิจพร็อพเพอร์ตี้ แมเนจเม้นท์ ถูกฉายภาพให้เห็นชัดเจนยิ่งขึ้นในงานแถลงข่าว ‘ประกาศความสำเร็จผู้นำอันดับ 1 ธุรกิจพร็อพเพอร์ตี้ แมเนจเม้นท์ ในประเทศไทย พร้อมเผยแผนธุรกิจและกลยุทธ์การครองใจลูกบ้าน’ ที่ SMART จัดขึ้น ผ่านทาง Facebook Live SMART Service and Management
สุวัฒน์ กุลไพจิตร Managing Director บริษัท สมาร์ท เซอร์วิส แอนด์ แมเนจเม้นท์ จำกัด (SMART) ผู้นำด้านการบริหารจัดการโครงการอสังหาริมทรัพย์ ฉายให้เห็นภาพรวมของตลาดอสังหาริมทรัพย์ในเมืองไทยตอนนี้เริ่มฟื้นตัว ปี 2565 อัตราการเติบโตของตลาดที่อยู่อาศัยโครงการใหม่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 15-16% ต่อปี จากปัจจัยบวกต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นสถานการณ์โควิดเริ่มคงที่ ประชาชนได้รับวัคซีนกันมากขึ้น ตามมาด้วยการเปิดประเทศ ภาคธุรกิจท่องเที่ยวและการลงทุนจากต่างชาติเข้ามา จึงทำให้ภาพรวมเศรษฐกิจดีขึ้น เพราะประชาชนเริ่มกลับมามีกำลังซื้อมากขึ้น ทำให้เริ่มมีซัพพลายมากขึ้นตามไปด้วย
“การเติบโตของตลาดอสังหาแบ่งเป็นกลุ่มบ้านเดี่ยวและทาวน์โฮมที่มีพื้นที่ขนาดเล็ก 30-35 ตารางวา เป็นกลุ่มที่ทำราคาขายได้ดี โดยเฉลี่ยไม่เกิน 3 ล้านบาท สร้างดีมานด์สำหรับครอบครัวใหม่ได้ดี ขณะที่กลุ่มลักชัวรีก็เติบโตสูงเช่นกัน แต่ที่น่าจับตามองคือการกลับมาของคอนโด High-Rise จากปัจจัยบวกต่างๆ ที่กล่าวไปข้างต้น ส่งผลให้นักลงทุนและ Developer เองให้ความสนใจกลุ่มนี้อีกครั้ง” สุวัฒน์กล่าว
แน่นอนว่าการเติบโตของอสังหาส่งผลโดยตรงต่อการเติบโตของธุรกิจพร็อพเพอร์ตี้ แมเนจเม้นท์ สุวัฒน์กล่าวต่อว่า ปัจจุบันธุรกิจพร็อพเพอร์ตี้ แมเนจเม้นท์ แบ่งออกเป็น 2 เซ็กเมนต์หลักๆ คือ กลุ่มบริษัทที่มี Developer และกลุ่ม Non-Developer
“ปัจจุบัน SMART บริหารโครงการรวมทั้งหมด 360 โครงการ แบ่งเป็นแนวราบ 65% คอนโดมิเนียมแนวสูง 35% โดยเป็นโครงการของเอพี ไทยแลนด์ มากกว่า 240 โครงการ ขณะเดียวกันในกลุ่มของ Non-Developer ก็ไม่ได้มองข้าม เนื่องจาก 3-4 ปีที่ผ่านมา มีการเติบโตสูง มีบริษัทใหม่ๆ เกิดขึ้นมากมาย ทำให้การแข่งขันมากขึ้น หากย้อนดู 12 เดือนที่ผ่านมา SMART เข้าบริหารโครงการใหม่กว่า 100 โครงการ โดย Year on Year Project Growth เติบโต 23% และ Year on Year Revenue Growth เติบโตมากกว่า 18% ตอกย้ำความเป็นที่ 1 ในเซ็กเมนต์ของตลาดพร็อพเพอร์ตี้ แมเนจเม้นท์”
ทั้งนี้ การบริหารจัดการโครงการที่อยู่อาศัย ไม่ว่าจะเป็นหมู่บ้านจัดสรรหรือคอนโดมิเนียมของ SMART ให้ความสำคัญเรื่องความปลอดภัยของลูกบ้านเป็นอันดับหนึ่ง ตามมาด้วยการโฟกัสให้ลูกบ้านสะดวกสบายในทุกมิติของการอยู่อาศัย บริหารจัดการทัศนียภาพภายในโครงการ วางแผนซ่อมบำรุงเพื่อทำให้โครงการสามารถคงมูลค่าทรัพย์สินของโครงการไว้ได้ และสุดท้ายคือการวางกฎระเบียบการอยู่อาศัยร่วมกันของลูกบ้าน เพื่อสร้างสังคมคุณภาพให้เกิดขึ้นทุกๆ วัน
ปัจจุบันมีลูกบ้านกว่า 120,000 คน ที่ไว้ใจการบริหารจัดการของ SMART สุวัฒน์บอกว่า การจะสร้างบริการและบริหารจัดการทุกอย่างให้ตอบโจทย์การอยู่อาศัยของลูกบ้านไม่ใช่เรื่องง่าย
“เทรนด์ที่เราเห็นชัดเจนคือสังคมดิจิทัลและการนำเทคโนโลยีเข้ามามีส่วนสำคัญในการใช้ชีวิตของลูกบ้าน ธุรกิจพร็อพเพอร์ตี้ แมเนจเม้นท์ จึงต้องปรับตัว ต้องเข้าใจและเข้าถึงสิ่งที่ลูกบ้านต้องการให้ได้ สำคัญที่สุดคือต้อง Disrupt การทำงานแบบเดิมๆ โดยถือลูกบ้านเป็นหลัก นำความคิดและคำแนะนำของลูกบ้านมาปรับการให้บริการให้เหมาะสมและทันสมัยตลอดเวลา”
Key Success กลยุทธ์การครองใจลูกบ้าน
การเป็นเบอร์ 1 ธุรกิจพร็อพเพอร์ตี้ แมเนจเม้นท์ สำหรับ SMART คือการมุ่งมั่นส่งมอบคุณภาพและประสบการณ์ที่ดี สร้างคุณภาพชีวิตเพื่อตอบโจทย์ในการดูแลลูกบ้านได้ครบทุกมิติ เหนือสิ่งอื่นใดคือต้องการเป็นเบื้องหลังของทุกรอยยิ้มในทุกมิติของการอยู่อาศัย SMART จึงวางกลยุทธ์ 3 ข้อในการทำงาน ได้แก่
- Bounding Community ให้ความสำคัญในการสร้างสัมพันธ์ที่ดี ให้เกิดสังคมที่น่าอยู่ในโครงการ เพื่อเกื้อกูลกันและกัน ทั้งการอยู่อาศัยและการดำเนินธุรกิจในสังคม ท่ามกลางความท้าทายของความต้องการและไลฟ์สไตล์ของลูกบ้านที่ต่างกัน อาทิ การจัดกิจกรรม Neighbor Club มากกว่า 150 โครงการ ตลอดปี 2565 มีลูกบ้านมากกว่า 8,000 คน ที่มาร่วมงาน เพื่อสร้างสัมพันธภาพที่ดีระหว่างลูกบ้าน ให้เกิดเป็นสังคมที่เกื้อกูล ช่วยเหลือกัน และเกิดรอยยิ้มในสังคมเล็กๆ ที่ยั่งยืนตลอดไป
- Digital Transformation ปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ในการบริหารองค์กร ด้วยการนำเทคโนโลยีที่ดีที่สุดมาบริหารงานในโครงการเพื่อตอบโจทย์การอยู่อาศัยของลูกบ้าน เช่น ‘SMART NITI’ แพลตฟอร์มที่มาช่วยงานนิติบุคคลทุกรูปแบบ ทุกประเภทโครงการ สร้างความอุ่นใจให้คณะกรรมการที่เป็นตัวแทนลูกบ้าน หรือระบบการเงินการบัญชีที่ชื่อ ‘SMART Finance’ ช่วยวางแผนงบการเงิน ไปจนถึงการวางแผนค่าใช้จ่ายตลอดทั้งปี นอกจากนี้ยังมี ‘Katsan’ ระบบรักษาความปลอดภัยที่มีฟังก์ชันแจ้งเตือนเมื่อมีผู้มาเยือน ทำ E-Stamp ผ่านมือถือ ฟังก์ชันห้ามรบกวนระหว่างที่ไม่อยู่บ้าน และยังอุ่นใจได้ตลอดเวลาด้วยการดู CCTV พื้นที่ส่วนกลางจากระบบ สุดท้ายคือแอปพลิเคชัน ‘SMART WORLD’ ที่มีลูกบ้านใช้งานมากกว่า 70,000 คน ตอบโจทย์ทุกมิติของการอยู่อาศัย ทั้งฟังก์ชันการพูดคุยกับทีมงานนิติบุคคลผ่านแชต แจ้งเตือนเมื่อมีพัสดุ การจ่ายบิลต่างๆ แจ้งข่าวสารในโครงการ หรือจองห้องประชุมและอุปกรณ์ฟิตเนสต่างๆ
- Partnership ปัจจุบัน SMART มีพาร์ตเนอร์ที่ส่งมอบบริการมากกว่า 40 รายการบนระบบ โดยทีมงาน SMART จะคัดสรรพาร์ตเนอร์ที่ดีที่สุด เพื่อมอบสิทธิพิเศษ ส่วนลด หรือการเลือกซื้อบริการเรื่องบ้านต่างๆ และทุกบริการที่เข้ามาในระบบต้องแก้ไข Pain ของลูกบ้านได้ ไม่ว่าจะเป็นการใช้บริการล้างแอร์ที่สะดวกในการจอง จ่าย จบ ผ่าน SMART WORLD หรือการตั้งปฏิทินแบบอัตโนมัติว่าการล้างแอร์ครั้งต่อไปจะเกิดขึ้นเมื่อไร แม้แต่การสั่งน้ำดื่มมาส่งถึงประตูห้อง บริการแม่บ้านรายวัน และบริการคนสวน
“ทั้ง 3 กลยุทธ์นี้ถือเป็น Key Success ที่ทำให้ SMART ครองใจลูกบ้านและทำให้เราเป็นที่ 1 ในธุรกิจพร็อพเพอร์ตี้ แมเนจเม้นท์ และเป็นแบรนด์ที่อยู่ในใจลูกบ้านตลอดมา” สุวัฒน์กล่าวทิ้งท้าย