วันนี้ (12 กันยายน) ที่พรรคเพื่อไทย ดร.ปลอดประสพ สุรัสวดี ประธานด้านนโยบายปฏิรูปโครงสร้างพื้นฐานด้านการจัดการน้ำ พรรคเพื่อไทย อดีตรองนายกรัฐมนตรีและอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กล่าวว่า สถานการณ์น้ำท่วมที่เกิดขึ้นในหลายพื้นที่เป็นเพราะผู้ใหญ่ในบ้านเมืองละเลยในเรื่องหลักการสำคัญ 6 ข้อ
- เรื่องน้ำเป็นงานในระดับยุทธศาสตร์ หากผู้บริหารบ้านเมืองควบคุมน้ำได้จะเป็นผู้นำที่มีความสามารถ สามารถดูแลความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชนได้ แต่ผู้บริหารยุคนี้ไม่คิดว่าเรื่องน้ำเป็นงานในระดับยุทธศาสตร์
- ดำเนินยุทธวิธีที่ผิดพลาด ไม่มีความสามารถบริหารจัดการน้ำให้มี ‘ที่อยู่ที่ไป’ น้ำจึงท่วมหมด เช่น การควบคุมการเปิด-ปิดประตูระบายน้ำ บางแห่งไม่ควรปิด บางแห่งไม่ควรเปิด
- การบริการจัดการน้ำตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ ปลายน้ำ ต้องทำทุกลุ่มน้ำ และต้องทำทุกจุด ทุกลุ่มน้ำ
- การบริหารจัดการน้ำเป็นเรื่องในทางวิชาการหลายแขนงที่ต้องทำงานเชื่อมโยงกัน เช่น ความรู้ด้านอุตุนิยมวิทยา อุทกวิทยา บริหารน้ำขึ้น-น้ำลง ความรู้ด้านวิศวกรรมและสิ่งแวดล้อม ความรู้ทุกแขนงต้องเชื่อมโยงกัน
- หน่วยงานที่ทำงานเรื่องน้ำ ทั้งการบริหารจัดการน้ำ และป้องกัน ควบคุม และช่วยเหลือประชาชน มีถึง 26 หน่วยงาน แต่การทำงานเป็นไปแบบต่างคนต่างทำ จึงไม่เคยเห็นนโยบายที่สอดคล้องกันในการแก้ไขปัญหาน้ำ
- ขณะนี้ประเทศไทยอยู่ในช่วงลานีญา ที่ลมจากตะวันออกพัดมาทางภูมิภาคอินโดจีน ประกอบกับสภาวะโลกร้อนทำให้น้ำทะเลมีอุณหภูมิสูง ฝนตกปริมาณมาก แต่รัฐบาลนี้บริหารประเทศเสมือนอยู่ในภาวะปกติ แทนที่จะบริหารแบบ New Normal
การละเลยปัญหา 6 ข้อข้างต้น ทำให้เกิดความผิดพลาด 5 ข้อ ได้แก่
- แผนบริหารจัดการน้ำ 3.5 แสนล้านบาท ได้จัดทำแผนบริหารจัดการน้ำเป็นอย่างดีเยี่ยมโดยไม่ได้ใช้งบประมาณ และไม่ได้กระทำการที่สุ่มเสี่ยงต่อการขัดกับกฎหมาย นักวิชาการเข้ามาสนับสนุนแผนดังกล่าวแต่รัฐบาลไม่ทำต่อ กลับเอาเงินงบประมาณ 1 แสนล้านบาทไปใช้แบบไม่เกิดประโยชน์
- งบประมาณ 1 แสนล้านบาทดังกล่าว รัฐบาลหลังการรัฐประหารนำเงินส่วนนี้ไปใช้แบบไม่เกิดประโยชน์ โดยการให้หน่วยงานด้านทหารขุดลอกคลอง แต่สุดท้ายที่ประชุมคณะรัฐมนตรีมีมติให้ยุติโครงการ เพราะเป็นการเสียงบประมาณโดยเปล่าประโยชน์ เพราะขุดลอกคลองขึ้นมาในช่วงฝนตก ขุดคลองขึ้นมาแล้วไหลลงคลองเช่นเดิม เป็นการใช้เงินงบประมาณแบบละลายแม่น้ำ
- รัฐบาลไม่ให้ความสำคัญเรื่องน้ำในระดับยุทธศาสตร์ ปล่อยปละละเลยให้มีการสร้างเขื่อนล้ำเข้ามาในลำน้ำซึ่งเป็นคลองหลัก เช่น คลองเปรมประชากร คลองลาดพร้าว น้ำจึงไม่มีที่ไป
- แต่ละหน่วยงานไม่มีการบูรณาการ ทั้งกรมทางหลวง กรมทางหลวงชนบท กรมชลประทาน เช่น มีโครงการยกถนนโดยไม่ได้วางแผนร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวกับการบริหารจัดการน้ำ เครื่องสูบน้ำ 10 เครื่อง ถูกรื้อถอนออกจากประตูระบายน้ำคลองรังสิต ไม่มีการบริหารจัดการน้ำออกไปลงคลองประเวศ เป็นต้น
- การบริหารงานไม่โปร่งใสและล่าช้า ในช่วงที่ตนเป็นรัฐบาลมีโครงการขุดแม่น้ำแห่งใหม่เพื่อระบายน้ำจากบางไทรไปบางบาล ระยะทาง 20 กิโลเมตร รัฐบาลนี้นำไปดำเนินการ ซึ่งต้องขอขอบคุณ เพราะเป็นความคิดที่ถูกต้อง แต่เป็นการก่อสร้างที่มีมูลค่าสูงกว่า 3 เท่า ระยะเวลาก่อสร้างจากที่ตนเคยวางแผนไว้ 3 ปี รัฐบาลนี้วางไว้ถึง 7 ปี ซ้ำยังสร้างถนนประกบสองข้างทางแม่น้ำ ซึ่งเป็นสิ่งก่อสร้างผิดหลัก กีดขวางทางน้ำ ซึ่งจะทำให้น้ำจากพระนครศรีอยุธยา บางบาล ปากเกร็ด ไม่มีที่ไป และจะทำให้น้ำท่วมมากกว่าเดิม
ปลอดประสพกล่าวว่า ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้าที่อาจจะมีการเลือกตั้ง และหากพรรคเพื่อไทยชนะการเลือกตั้ง ตนจะเสนอให้รื้อถนนที่สร้างรอบแม่น้ำดังกล่าวออกเพื่อเปิดทางน้ำ ความละเลยผิดพลาดสะท้อนถึงความไม่รู้เรื่องของการบริหารประเทศของรัฐบาลนี้ ในยามนี้ประชาชนเดือดร้อน พรรคเพื่อไทยพร้อมจะช่วยเหลือ อย่างน้อยคือข้อคิด ประสบการณ์ และบุคลากรเท่าที่เรามี พร้อมเสนอแนะ 6 วิธีการจัดการน้ำท่วมตามหลักวิชาการ ไปยังรัฐบาลและผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เพื่อให้การแก้ไขน้ำท่วมทำได้ดีกว่าเดิม ดังนี้
- ผู้ว่าฯ กทม. สามารถประสานขอความร่วมมือกับรัฐบาล โดย พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี ให้สั่งการหน่วยงานราชการทั้งหมดนำเครื่องสูบน้ำที่กระจายในพื้นที่ต่างๆ ในประเทศไทยเข้ามายังกรุงเทพมหานคร (กทม.) ในส่วนของ กทม. ควรสำรวจพื้นที่ในการติดตั้งเครื่องสูบน้ำขนาดใหญ่ สูบน้ำจากคลองหลักลงแม่น้ำเจ้าพระยา ลงทะเล หรือลงไปแม่น้ำบางปะกง เครื่องสูบน้ำขนาดเล็กความดันสูงของกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยที่จัดซื้อในสมัยที่ตนเป็นรัฐบาลมีหลายร้อยตัว ความกว้างของท่อ 6 นิ้ว ยาว 300-500 เมตร นำเอาไปแจกจ่ายใช้เพื่อสูบน้ำ กทม. จากจุดท่วมที่ไม่มีที่ไป ไปลงคลองใหญ่ ส่งต่อออกแม่น้ำเจ้าพระยา
- ผู้ว่าฯ กทม. ประกาศให้ กทม. เป็นพื้นที่ประสบอุทกภัยอย่างหนัก ถือว่าเป็นพื้นที่ภายใต้สภาวะพิเศษ สามารถจัดซื้อเครื่องสูบน้ำจากต่างประเทศเพิ่มเติม เช่น ที่สิงคโปร์ สามารถขนส่งผ่านเครื่องบินมาได้ทันที
- ใครที่สั่งให้ปล่อยน้ำลงมาทุ่งรังสิต ขอให้หยุดทำทันที เพราะสร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชน ควรกระจายน้ำจากคลองรังสิตออกไปให้ครบทั้ง 3 ทิศทาง คือ ตะวันตก ตะวันออก ผ่ากลาง กทม. แม่น้ำเจ้าพระยาและแม่น้ำบางปะกง ส่วนคลองลาดพร้าว คลองเปรมประชากร กทม. ต้องยอมให้น้ำผ่านสองคลองนี้เพื่อไปลงทะเล ซึ่งวิธีการนี้ควรทำเมื่อทำได้
- น้ำระบายที่ไม่สามารถระบายได้นอกเหนือจากปริมาณฝนที่ควบคุมไม่ได้ เพราะมีสิ่งก่อสร้างจำนวนมาก ต้องใช้เครื่องมือช่วย โดยเฉพาะเครื่องสูบน้ำ เป็นอุปกรณ์กลุ่มครุภัณฑ์สามารถเก็บไว้ใช้ในระยะยาวได้
- ปัจจุบันนี้มีคอนโดมิเนียมจำนวนมาก ทุกคอนโดต้องยกระดับบั๊มเปอร์ให้สูงขึ้นและทำให้ใหญ่ขึ้น รัฐบาลต้องใจใหญ่ ควรเปิดให้เอกชนปรับปรุงระบบระบายน้ำให้ดี เบิกค่าใช้จ่ายที่รัฐบาล เพื่อความปลอดภัยของพี่น้องประชาชน หากไม่ทำจะเกิดความสูญเสียที่ประเมินค่าไม่ได้
- ผู้ว่าฯ กทม. ควรใช้ประโยชน์จากประตูระบายน้ำพระโขนง ซึ่งเป็นประตูระบายน้ำในฝั่งตะวันออกของ กทม. และใกล้กับทางออกของน้ำไปสู่แม่น้ำเจ้าพระยา
“รัฐบาลนี้สืบทอดอำนาจมาจากการรัฐประหาร และคนในคณะรัฐมนตรีก็มีหลายคนสืบทอดอำนาจจากนักปฏิวัติ ฉีกรัฐธรรมนูญ ร่างกติกาใหม่ที่พิลึกกึกกือ แต่เรื่องน้ำเปรียบเสมือนสายเลือดหล่อเลี้ยงชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน ท่านปฏิวัติเรื่องการเมืองได้แต่ปฏิวัติเรื่องน้ำไม่ได้” ปลอดประสพกล่าวในที่สุด