เมื่อวันที่ 28 มกราคมที่ผ่านมา ได้มีรายงานข่าวว่า เน โฮฟาทูร่า หรือ นายเวฒสุวรรณลักษณา เมฆาจันนัฒกาจ อายุ 31 ปี ผู้ที่ชื่นชอบแต่งตัวแบบคอสเพลย์ และเรียกตัวเองว่าเป็นปรมาจารย์ของสำนักดาบทาบูราชิ ได้ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ท่าข้ามจับกุมตัว หลังก่อเหตุกระทำอนาจารลูกศิษย์ที่มาเรียนฟันดาบ โดยมีผู้เสียหายมาแจ้งความร้องทุกข์แล้วทั้งหมด 3 ราย
เน โฮฟาทูร่า สร้างชื่อจากการท้าสู้กับผู้คนหลายวงการ และมักจะมีคลิปวิดีโอออกมาสู่โลกออนไลน์เป็นประจำ แต่จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทำให้คนบางกลุ่มเกิดความสงสัยว่า สิ่งที่ เน โฮฟาทูร่า ทำนั้นเป็นศิลปะการต่อสู้รูปแบบไหน หรือสำนักดาบที่เน โฮฟาทูร่า ตั้งขึ้นมานั้นคืออะไร และสำนักดาบหรือโรงเรียนสอนศิลปะการป้องกันตัวที่ดีควรมีมาตรฐานคืออะไร
THE STANDARD จึงได้ต่อสายถึง เดวิด สุทธาหลวง หรืออาจารย์เดวิด ที่สอนศิลปะการป้องกันตัวหลายประเภท มีความหลงใหลในวิชาดาบคาตานะ รวมถึงเป็นอาจารย์สอนศิลปะการป้องกันตัวแห่ง Dera Tactical Martial Combat เพื่อทำความเข้าใจเกี่ยวกับมาตรฐานของศาสตร์ศิลปะการต่อสู้ด้วยดาบ และ มาตรฐานของสำนักศิลปะการต่อสู้
เดวิด สุทธาหลวง หรืออาจารย์เดวิด เคยฝึกวิชาศิลปะการต่อสู้ โดยเฉพาะวิชาดาบคาตานะ หรือเคนจิซุ ซึ่งเป็นดาบที่มีลักษณะคมด้านเดียว ที่ประเทศญี่ปุ่นเป็นเวลา 20 ปี ก่อนจะกลับมาเปิดโรงเรียนสอนศิลปะการต่อสู้ที่ประเทศไทย ซึ่งอย่างแรกที่อาจารย์เดวิดอยากให้ทำความเข้าใจใหม่คือ ศาสตร์ที่เน โฮฟาทูร่าใช้นั้นแตกต่างจากวิชาดาบซามูไร หรือดาบคาตานะของประเทศญี่ปุ่น
บางสำนักข่าวรายงานว่า นี่คือดาบซามูไร หรือวิชาดาบญี่ปุ่น อาจารย์มองอย่างไร
อย่างแรกเลย สำนักข่าวบางที่ใช้คำพูดอะไรสักอย่างให้คนเข้าใจผิด จริงๆ แล้ว ควรไตร่ตรองดูก่อนว่าคำพูดพวกนี้มันถูกต้องไหม จริงหรือเปล่า ถ้าเกิดจริงเขาก็สามารถใช้ได้ อย่างเช่นที่เขาใช้ตอนนี้คือ เน โฮฟาทูร่า สอนวิชาดาบซามูไร คือที่ผมออกมาคอมเมนต์ว่าทำไมมันถึงไม่ใช่ เพราะว่าถ้าคนศึกษาจริงๆ จะเห็นความแตกต่าง
เริ่มจากการแต่งตัวก็ไม่ใช่ เช่นการแต่งตัวของซามูไร ส่วนท่อนบนที่มีชื่อว่า ฮามูริ จะเป็นแขนยาว แต่สำนักนี้เขาใช้แขนสั้น ส่วนท่อนล่าง ชุดซามูไรกางเกงตัวใหญ่ๆ หน่อย อันนี้เป็นชุดของซามูไรที่ใช้ในโรงฝึก ส่วนทางสำนักนี้เขาก็ใส่เป็นกางเกงทั่วไป ไม่เหมือนกับชุดฮากามะ ฉะนั้นชุดก็ไม่เหมือนแล้ว
มาดูตรงที่ดาบ ถ้าคนศึกษาจริงๆ ก็จะเห็นชัด เช่น ดาบทางเขาจะโค้งคนละแบบ ตรงด้ามโค้งจะมีรอยหยักขึ้นมาอีกที ขณะที่ดาบซามูไรจะโค้งข้างเดียว และเป็นคมเดียว ของเขาจะเป็นสองคม ซึ่งดาบที่เขาใช้เราเรียกว่า นารา ซึ่งไม่ใช่คาตานะ
เพราะฉะนั้นการเรียกชื่อก็ไม่เหมือนกัน เข้าใจว่าสื่ออาจจะไม่รู้ แต่ถ้าเขาไม่รู้เขาก็น่าจะเรียกว่าดาบเฉยๆ เช่น สอนฟันดาบ มีลักษณะคล้ายๆ ดาบญี่ปุ่น หรือมีของมีคม เขาไม่น่าจะใช้คำว่าซามูไรหรือญี่ปุ่น ทำให้พ่อแม่หลายคนที่อาจไม่รู้เกิดความเข้าใจผิด ซึ่งในฐานะที่ผมเป็นคนสอนดาบญี่ปุ่นด้วย คนที่ไม่รู้เขาอาจคิดว่า สำนักดาบญี่ปุ่นจะมีพิธีแบบนี้หรือเปล่า ถ้าคนเข้าไปเป็นผู้หญิงจะต้องแก้ผ้าหรือเปล่า บางคนเขาไม่รู้จริงๆ เขาก็จะคิดแบบนั้น
สำนักดาบญี่ปุ่นมีพิธีกรรมแบบนั้น
ถามว่ามีพฤติกรรมแบบนี้ไหมที่ถอดเสื้อผ้า ไม่มีครับ พิธีของแต่ละสำนักไม่เหมือนกันนะครับ ส่วนมากเต็มที่เลยคือกรีดเฉพาะนิ้วโป้ง และเขาจะมีสัญญาของบูชิโดกับซามูไร เช่น สำนักหนึ่งจะมีกฎอย่างเช่น ห้ามทำร้ายคนอื่น ห้ามใช้วิชาในทางที่ผิด ห้ามเอาความลับของสำนักไปให้ที่อื่น จากนั้นจะให้กรีดนิ้วโป้ง แล้วก็แปะลงไปแค่นั้นเอง นี่คือพิธีกรรมในการทำสัญญา
ส่วนพิธีกรรมอื่นๆ ถ้าเราขึ้นบั้งที่สูง มันจะมีคล้ายๆ พิธีกรรมของอัศวินที่อังกฤษก็ คือ ให้นั่งคุกเข่าแบบญี่ปุ่น และมีจะดาบแตะลงมาแค่นั้นเอง นี่คือมาตรฐานสากลทั่วไปของสำนักดาบญี่ปุ่น จะไม่มีการถอดเสื้อผ้า หรือมีพู่กันมาเขียนยันต์แบบที่เป็นข่าว เท่าที่ผมได้ยินมาสำนักนี้เขาก็ผสมหลากหลายวิชาตามที่เขาอ้างมา
สำนักดาบคืออะไร ผู้ปกครองจะไว้ใจแบบไหนได้
อย่างแรกเลยคือการโฆษณา เราไม่สามารถที่จะรู้หรอกว่าสำนักไหนดีหรือไม่ดีกันแน่ ทางที่ดีคนเป็นพ่อกับแม่ ถ้าเด็กยังไม่บรรลุนิติภาวะ เขาสมควรที่จะไปกับเด็ก และไปดูหลายๆ ครั้งหน่อยในช่วงแรกๆ ถึงจะอ้างว่าไม่มีเวลาก็สมควรไป เพราะว่ามีอะไรไม่ดีเกิดขึ้นคงไม่คุ้ม อย่างเช่นเด็ก 10 ขวบ เขาไม่สามารถตัดสินใจอะไรได้ โดนเรียกเข้าไปในห้องตัวต่อตัวก็แปลกแล้ว แต่ถ้าพ่อแม่อยู่ด้วย อาจารย์ที่สอนก็คงไม่กล้าเรียกไปตัวต่อตัว ไม่อย่างนั้นพ่อแม่ก็ต้องถามว่าเรียกลูกสาวไปทำไม
ถ้าเกิดสังเกตดู ถึงแม้ศิลปะการต่อสู้อย่างเทควันโดก็ยังมีพ่อแม่ไปรับส่ง และไปดูว่าลูกหลานฝึกซ้อมอย่างไร เจ็บตัวหรือเปล่า หรือเด็กอาจจะเกิดอุบัติเหตุหรือเปล่า เพราะฉะนั้นช่วงแรกๆ พ่อแม่สมควรไปดูเด็กให้บ่อยที่สุด และไปดูว่าอาจารย์สอนอย่างไร และมีพฤติกรรมอะไรบ้าง และหลังจากนั้นถ้าสำนักนี้โอเคแล้ว เชื่อใจได้แล้ว รู้จักอาจารย์แล้ว ก็ค่อยปล่อยให้เด็กไปเองก็ได้
อย่างที่สองคือหลังจากนั้นดูไปเรื่อยๆ ว่าเด็กมีพัฒนาการหรือเปล่า อย่างเช่น ผมสอนเด็กไปและเด็กการเรียนดีขึ้น รู้จักคุยกับคนอื่นได้ดีขึ้น ไม่ก้าวร้าว ก็โอเคครับ สำนักนั้นดี แต่ถ้าไปดูสักพัก เห็นว่าเด็กคนนั้นเริ่มก้าวร้าว เริ่มต่อต้านพ่อแม่ ก็อาจจะต้องเริ่มตั้งคำถามเรื่องการสอน
สำคัญที่พ่อแม่นั่นแหละครับ ต้องทำความเข้าใจก่อนว่าถึงแม้บุตรหลานชอบ เขา อยากไป หรือขอไปเรียนก็สมควรไปกับเขาก่อน เพื่อดูว่าเป็นอย่างไรกันแน่
การเรียนศิลปะการต่อสู้ให้อะไรกับเด็ก
อย่างแรกจะสอนเรื่องการป้องกันตัวที่แท้จริง บางที่สอนอ้างว่าป้องกันตัวแล้ว แต่ในความเป็นจริงไม่สามารถป้องกันตัวได้ คนเรียนก็คิดว่าตัวเองเก่งแล้ว เวลาออกไปข้างนอกแล้วป้องกันตัวไม่ได้ มันก็จะเป็นปัญหา เขาก็เลยจะว่าสำนักแบบนี้ว่าปลอม ไม่ได้สอนการต่อสู้จริง แต่สำหรับผมแล้ว การมาเรียนคือคุณต้องป้องกันตัวได้จริงๆ
อย่างที่สองคุณจะได้พัฒนาตัวเอง หนึ่งพัฒนาสมอง ความคิด ร่างกายความแข็งแรง ผมจะสอนลูกศิษย์ไปมองดูในโลกแห่งความเป็นจริงว่า ถ้าเกิดคุณทำงาน อาจารย์สอนคุณมาอย่างไร หรือเพื่อนๆ มาทำกับคุณอย่างไร จะทำไม่ดีบ้างหรือมาด่าคุณบ้าง มันก็มีแต่คุณสมควรที่จะตอบโต้อย่างไร นี่คือสิ่งที่เราสอนเพื่อให้ผู้เรียนสามารถอยู่ร่วมกับสังคมได้ดีขึ้น
ไม่ใช่ว่าคุณมาเรียนการต่อสู้ อยู่ๆ คนมาด่าคุณแล้วคุณต่อยเขาเลย คุณต้องวิเคราะห์เขาก่อนว่าจะเป็นอย่างไร ท้ายที่สุดถ้ามีเรื่องรุนแรงเกิดขึ้น คุณอาจจะต้องป้องกันตัว อันนี้คือจุดที่สำคัญคือหลักแนวคิดที่เราพยายามสอน
หลังจากหลักแนวคิดคุณก็ได้กำลัง ได้ความแข็งแรง ไปยกเวตก็ดีนะได้ความแข็งแรง แต่คุณจะไม่ได้หลักแนวคิด ไม่ได้เรื่องการป้องกันตัว แต่ถ้าคุณได้มาเห็นการต่อสู้คุณจะได้หมดเลยครับ หลักแนวคิด ความแข็งแรง บุคลิกภาพก็ดีขึ้น และได้เรียนรู้การป้องกันตัวด้วย
สิ่งที่อยากจะบอกสังคมจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในฐานะคนในวงการศิลปะการป้องกันตัวคืออะไร
อยากจะฝากว่า เวลาข่าวออกมาอาจจะต้องวิเคราะห์ก่อน อย่างที่ผมบอกผู้สื่อข่าวเขาบอกมาอย่างหนึ่ง แต่มันอาจจะไม่ใช่ก็ได้ อาจจะไม่ได้เกี่ยวกับการป้องกันตัวหรือศิลปะการต่อสู้เลยก็ได้ เพียงแต่ว่าสำนักหนึ่งอาจจะอ้างว่ามันคือการป้องกันตัวหรือเป็นการสอน
เราอย่าเหมารวมศิลปะการต่อสู้จะดีกว่า เพราะว่าเรื่องอนาจารหรือเรื่องที่ไม่ดีนั้นเกิดขึ้นได้ทุกวงการ เช่น ในออฟฟิศ เจ้านายทำกับลูกน้อง ทุกวงการทำได้หมดเลย ไม่ได้เกี่ยวกับศิลปะการต่อสู้ เพราะฉะนั้นแยกแยะและวิเคราะห์ดูก่อน บางทีอาจเป็นเรื่องส่วนตัวของคนคนนั้น คนคนนั้นทำจริงหรือไม่ได้ทำจริง ถ้าเกิดเขาทำจริง มันก็อาจจะไม่ได้เกี่ยวกับศิลปะการต่อสู้เสมอไป
The Master of the Katana Sword มือดาบซามูไร