วันนี้ (22 กรกฎาคม) วิสุทธิ์ ไชยณรุณ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) จังหวัดพะเยา พรรคเพื่อไทย อภิปรายไม่ไว้วางใจ ‘เด็ดหัว สอยนั่งร้าน’ ชำแหละปัญหาหมูแพงเนื่องจากการระบาดของโรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกร (African Swine Fever: ASF) โชว์หลักฐานว่าที่รัฐบาลพยายามชี้แจงว่าควบคุมโรคระบาดในไทยได้สำเร็จนั้น ไม่เป็นความจริง เพราะได้ติดตามและส่งชิ้นเนื้อไปตรวจ 3 ครั้ง ติดเชื้อทั้ง 3 ครั้ง เรื่องนี้กระทบผู้บริโภคและเกษตรกรขนาดกลางและย่อยรุนแรง
วิสุทธิ์กล่วว่า ที่ผ่านมาพรรคเพื่อไทยได้ติดตามประเด็นหมูในฟาร์มรายเล็กและรายย่อยของไทยติด ASF ตายเป็นเบือ ส่งผลให้ราคาหมูดีดตัวสูงขึ้นกระทบพ่อค้าแม่ขายและดันราคาอาหารพุ่งชนิดเท่าตัว และได้มีการอภิปรายเรื่องนี้ไปแล้วในการอภิปรายแบบไม่ลงมติ ตามมาตรา 152 เมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา ครั้งนั้นรัฐบาลรับปากว่าจะแก้วิกฤตให้พี่น้องเกษตรกรผู้เลี้ยงหมูและแก้ปัญหาหมูแพง
ต่อมาในช่วงต้นเดือนกุมภาพันธ์ รัฐบาลจัดโครงการเอาหมูมาขายราคาพิเศษคือ 140 บาทต่อกิโลกรัม ขณะที่ราคาท้องตลาดอยู่ที่ราว 250 บาท ตนจึงได้ซื้อเนื้อหมูจากโครงการนั้นไปส่งตรวจ พบว่าตัวอย่างทั้งหมดติดเชื้อ 100% และเมื่อสุ่มตรวจอีกครั้งในเดือนเมษายน โดยครั้งนี้ไม่ได้ซื้อจากโครงการรัฐแต่ซื้อจากร้านค้าปลีกในท้องตลาดทั่วไป ก็ยังพบว่าติดเชื้ออยู่ถึง 75%
ต่อมา 11 พฤษภาคม 2565 เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการ (รมว.) กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พร้อมด้วย สรวิศ ธานีโต อธิบดีกรมปศุสัตว์ ได้ออกแถลงว่าประเทศไทยเป็นประเทศที่ปลอดจากโรค ASF กำจัดโรคในหมูอยู่หมัด เรื่องนี้ตนขอทวงถามในสภาว่า “เอาอยู่ตรงไหน”
เมื่อเห็นประกาศ ตนจึงไปหารือกับ ประภัตร โพธสุธน รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ขอให้ตรวจสอบและนำงบ กมธ. ไปตรวจสอบดูว่า ที่ รมว.เกษตรฯ พูดนั้นเป็นความจริงหรือไม่ และเมื่อตรวจแล้วก็ยังพบตัวอย่างหมูในประเทศติดเชื้ออยู่ถึง 40%
วิสุทธิ์ชี้ว่า กรมปศุสัตว์เป็นผู้ออกมาชี้แจงกับประชาชนเองด้วยซ้ำว่าอย่าบริโภคเนื้อสัตว์ที่ตายเองโดยไม่ได้ถูกฆ่า เพราะไม่ปลอดภัย เสี่ยงติดเชื้อโรคและสารตกค้าง ทั้งเตือนผู้จำหน่ายเนื้อสัตว์ที่มิได้รับรองจากพนักงานตรวจโรคสัตว์ว่ามีความผิดตาม พ.ร.บ.ควบคุมการฆ่าสัตว์เพื่อการจำหน่ายเนื้อสัตว์ พ.ศ. 2559 จึงตั้งคำถามกับหน่วยงานรัฐว่า เช่นนี้ถือว่ามีความผิดตาม พ.ร.บ. นี้หรือไม่
วิสุทธิ์อธิบายต่อว่า การที่ยังพบเชื้อในเนื้อหมูแปลว่าขั้นตอนการกำจัดหมูตายไม่ถูกวิธี กระบวนการผลิตเนื้อหมูยิ่งเป็นตัวแปรทำให้เชื้อกระจายอย่างรวดเร็ว เพราะเพียงเลือดหมูหยดลงพื้นเพียงหยดเดียวก็ทำให้เชื้อแพร่กระจายไม่หยุด และเพราะกำจัดไม่ถูกวิธีทำให้เชื้อแพร่กระจาย ทำให้พี่น้องเกษตรกรผู้เลี้ยงหมูรายเล็กและย่อยได้รับผลกระทบ ต้องปิดตัวและไม่สามารถกลับมาทำกิจการได้อีกเป็นเวลาหลายปี
วันนี้อาชีพผู้เลี้ยงหมูล้มละลาย เกษตรกรระดับกลางและย่อยมากกว่า 1 แสนราย เสียอาชีพ ธุรกิจการเลี้ยงหมูอยู่ในมือกลุ่มทุนมากกว่า 50% เพราะมีทุนพอจะเลี้ยงในระบบปิด ป้องกันความเสี่ยงจากโรคระบาด และยิ่งหมูขึ้นราคาจากสภาวะอุปทานเนื้อหมูลดลง ก็ยิ่งทําให้บริษัทเหล่าน้ันทํากําไรได้เพิ่ม ทั้งหมดนี้ส่งผลกระทบต่อชีวิตพี่น้องเกษตรกร ต่อชีวิตของประชาชน ชาวบ้านเข้าสู่วงจรการเป็นหนี้
“วันนี้คนมีหนี้เต็มบ้าน ความเดือดร้อนเต็มบ้านเต็มเมืองเต็มตลาดสด ต้องให้คนตายเท่าไรประยุทธ์ถึงจะรู้เรื่องเหล่านี้” วิสุทธิ์กล่าว
