EIC คาดตลาดขนส่งพัสดุไทยในปี 2022 ยังมีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่องตามการเติบโตของ E-Commerce มองการแข่งขันด้านราคาที่รุนแรงอาจบีบให้ผู้ประกอบการต้องขยายบริการไปสู่ตลาดใหม่
ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ Economic Intelligence Center (EIC) ธนาคารไทยพาณิชย์ ประเมินว่า มูลค่าตลาดขนส่งพัสดุไทย (Parcel Delivery) ในปีนี้ยังมีแนวโน้มขยายตัวได้ต่อเนื่องที่ราว 17% จากปีก่อน คิดเป็นมูลค่าราว 1.06 แสนล้านบาท และมีปริมาณขนส่งพัสดุเพิ่มขึ้นเป็นอย่างน้อย 7 ล้านชิ้นต่อวัน จากพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป มีความคุ้นชินและพึงพอใจในการซื้อสินค้าผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์มากขึ้นจนกลายเป็น New Normal ของผู้บริโภค
แนวโน้มการเติบโตดังกล่าวถือเป็นเทรนด์ที่ต่อเนื่องมาจากยุคโควิดในช่วงปี 2019-2021 ที่ทำให้ตลาดขนส่งพัสดุไทยเติบโตในระดับสูงเฉลี่ยที่ราว 38% ต่อปี และมีมูลค่ากว่า 9.1 หมื่นล้านบาทในปี 2021 ขณะที่มูลค่าตลาด E-commerce ในช่วงปี 2019-2021 มีการเติบโตเฉลี่ยราว 46% ต่อปี
ทั้งนี้ EIC ระบุว่า การเข้ามาให้บริการของผู้ประกอบการขนส่งพัสดุรายใหญ่หลายรายตั้งแต่ปี 2019 ได้ส่งผลให้สภาวะการแข่งขันในตลาดขนส่งพัสดุดุเดือดและรุนแรงขึ้นต่อเนื่อง โดยเฉพาะในด้านราคาเพื่อขยาย/แย่งชิงส่วนแบ่งตลาด และทำให้อัตราค่าจัดส่งพัสดุเริ่มต้นลดลงจาก 35-40 บาทต่อชิ้น เหลือเพียง 15-20 บาทต่อชิ้น
สำหรับในปี 2022 มองว่าการแข่งขันด้านราคายังมีแนวโน้มรุนแรงต่อเนื่อง จากที่ผู้เล่นรายใหญ่ยังคงใช้กลยุทธ์ด้านราคา อีกทั้งยังมีผู้เล่นอีกหลายรายที่เร่งขยายการให้บริการ
อย่างไรก็ดี แนวโน้มการลดลงของค่าจัดส่งพัสดุจากการแข่งขันอาจจะค่อนข้างจำกัด เนื่องจากอัตราค่าจัดส่งพัสดุในปัจจุบันได้ส่งผลให้ผู้ประกอบการหลายรายเริ่มให้บริการไม่คุ้มทุนแล้ว และมีบางรายที่ยังขาดทุนต่อเนื่องหลายปี หรือแม้กระทั่งปิดกิจการไป ยิ่งไปกว่านั้น ต้นทุนดำเนินการของผู้ประกอบการก็ปรับเพิ่มสูงขึ้นโดยเฉพาะจากราคาน้ำมันที่เพิ่มสูงขึ้น
โดย EIC ประเมินว่า ตลาดขนส่งพัสดุที่เป็นตลาด Red Ocean ในเวลานี้ จะทำให้เกิดเทรนด์การปรับตัวของผู้ประกอบการด้วยการขยายบริการไปสู่ตลาดใหม่ๆ ที่ยังเป็นตลาดที่ค่อนข้าง Blue Ocean มากยิ่งขึ้น เช่น
- เทรนด์การให้บริการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศ
- เทรนด์การให้บริการขนส่งสินค้าขนาดใหญ่ หรือแบบไม่เต็มคันรถ (Less than Truckload: LTL)
- เทรนด์การให้บริการโลจิสติกส์แบบครบวงจร
- เทรนด์การให้บริการขนส่งสินค้าควบคุมอุณหภูมิแบบด่วน ทั้งสินค้าแบบแช่เย็นและแช่แข็ง
อย่างไรก็ดี เนื่องจากในบางตลาดมีผู้เริ่มให้บริการบ้างแล้ว ผู้ประกอบการควรพิจารณาให้รอบคอบ และเลือกให้บริการในตลาดที่สามารถอาศัยจุดแข็งของตน หรือจากพาร์ตเนอร์ในการต่อยอดทำธุรกิจ
EIC ยังระบุด้วยว่า ในอนาคตข้างหน้า ธุรกิจขนส่งพัสดุยังมีความท้าทายที่ต้องเผชิญอีกหลายประการ ได้แก่ ต้นทุนการดำเนินการที่เพิ่มขึ้นกับกำลังซื้อที่อ่อนแอลง การแข่งขันจากธุรกิจแอปพลิเคชันบริการขนส่งเดลิเวอรี และการพัฒนาด้านโลจิสติกส์สีเขียวและความยั่งยืน
ด้วยเหตุนี้ ผู้ประกอบการขนส่งควรเร่งปรับกลยุทธ์เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน และเพื่อให้เท่าทันกับการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้น โดย 3 วิธีที่ผู้ประกอบการสามารถนำมาปรับใช้ ได้แก่
- การพัฒนาความเร็วในการจัดส่งพัสดุอย่างต่อเนื่อง
- การสร้าง Strategic Partnership หรือ M&A กับผู้ประกอบการต่างๆ เพื่อต่อยอดธุรกิจ
- การนำเทคโนโลยีสมัยใหม่มาประยุกต์ใช้กับการดำเนินการมากยิ่งขึ้น
ช่องทางติดตาม THE STANDARD WEALTH
- Twitter: twitter.com/standard_wealth
- Instagram: instagram.com/thestandardwealth
- Official Line คลิก https://lin.ee/xfPbXUP