วันนี้ (8 มิถุนายน) ที่รัฐสภา การประชุมสภาผู้แทนราษฎรมีวาระการพิจารณาเรื่องด่วน เพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) กัญชาและกัญชง โดย สุทิน คลังแสง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) จังหวัดมหาสารคาม พรรคเพื่อไทย เปิดเผยว่า ร่าง พ.ร.บ. ฉบับดังกล่าวเกิดขึ้นด้วยความน่าสนใจ เพราะมีความคาดหวังของพี่น้องประชาชน แต่ตนขอแสดงความกังวลในหลายกรณี เพราะไม่ว่าอย่างไรก็ตาม การเสพกัญชาก็จะส่งผลให้เกิดการเสพติด แต่หากเอาไปใช้เฉพาะทางการแพทย์จะเป็นประโยชน์อย่างแน่นอน
ดังนั้นควรขีดเส้นแบ่ง เพื่อส่งเสริมสิ่งที่เป็นคุณประโยชน์ และต่อต้านสิ่งที่เป็นโทษอย่างรอบด้าน เนื่องจากเนื้อหาในร่าง พ.ร.บ. ยังมีจุดอ่อนอยู่มากเมื่อเทียบกับต่างประเทศอย่างประเทศอุรุกวัย และแคนาดา ซึ่งมีความรัดกุม ตรงกันข้ามกับร่าง พ.ร.บ. ของไทยที่มีความกำกวม หมิ่นเหม่จะเปิดช่องให้หาประโยชน์ทางธุรกิจของกลุ่มทุนใหญ่
นอกจากนี้แม้จะกำหนดว่าห้ามเด็กอายุต่ำกว่า 20 ปี ซื้อ-ขายกัญชา แต่หากระบบสังคมไทยที่ปัจจุบันยังไม่แข็งแรง อาจทำให้เกิดปัญหาสังคมที่ยากเกินจะควบคุม จากกฎหมายที่มีความหละหลวม มีช่องโหว่ ทำให้เด็กและเยาวชนเข้าถึงกัญชาได้โดยไม่มีข้อจำกัดใดๆ
ทั้งนี้ข้อผูกพันในสนธิสัญญาระหว่างประเทศขององค์การสหประชาชาติ (UN) ซึ่งมีการลงนามกันแล้ว 187 ประเทศ รวมถึงไทย ระบุว่ากัญชาถือเป็น 1 ใน 3 ยาเสพติดประเภทรุนแรง แต่ร่างกฎหมายดังกล่าวยังมีความหละหลวมและเสี่ยงขัดสนธิสัญญา ซึ่งทำให้ตนไม่สบายใจที่จะลงมติ
สำหรับเงื่อนไขของการขออนุญาตปลูกในเชิงพาณิชย์ ดูเหมือนจะเป็นการเอาประชาชนบังหน้า แต่ผู้ที่ได้ประโยชน์คือกลุ่มนายทุน เพราะการทำธุรกิจกัญชา การมีทุนต่ำกว่า 20 ล้านนั้นไม่สามารถปลูกเชิงพาณิชย์ได้
ขณะที่ จิรายุ ห่วงทรัพย์ ส.ส. กรุงเทพมหานคร พรรคเพื่อไทย มองว่ากฎหมายนี้ยังมีความหละหลวม ไม่ชัดเจน อาจก่อให้เกิดความสับสนในการควบคุมและตรวจตรา เพราะมองแต่ความก้าวหน้าทางเศรษฐกิจเพียงมิติเดียว หากกฎหมายนี้ผ่านไป เยาวชนจะเข้าถึงกัญชาได้ง่ายโดยขาดการควบคุม ซึ่งอาจส่งผลต่อสุขภาพ และเสี่ยงทำให้คนติดกัญชากันอย่างงอมแงม