‘Silver Arrow’ สุดยอดรถที่แพงที่สุดในโลก ด้วยราคา 4.9 พันล้านบาท เวลาทำประกันต้องจ่ายแค่ไหน และมีอะไรที่แตกต่างจากรถทั่วไปไหม?

เวลามีรถก็เหมือนมีรัก…เพราะมีห่วง! และเพราะความห่วงว่ารถที่เรารักจะเป็นอะไรไป ทำให้หนึ่งในค่าใช้จ่ายสำหรับเจ้าของรถทุกคัน นอกเหนือจากการชำระภาษีตามหน้าที่แล้ว คือการหาเงินมาจ่ายค่าประกันรถ เพื่อป้องกันค่าใช้จ่ายที่อาจเกิดขึ้นจากเหตุไม่คาดฝัน

ลำพังคนธรรมดาค่าประกันรถชั้น 1 ก็ปาดเหงื่อกันทุกปีแล้ว แล้วลองจินตนาการดูว่าถ้าเป็นสุดยอดรถระดับตำนาน ที่ไม่ใช่รถแต่เป็นงานศิลปะชั้นเลิศของโลก อย่างรถ Mercedes-Benz 300 SLR Uhlenhaut Coupe ปี 1955 ซึ่งปัจจุบันเป็นรถที่มีราคาแพงที่สุดในโลกถึง 142 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือคิดเป็นเงินไทยกว่า 4.9 พันล้านบาทแล้ว ค่าประกันรถระดับนี้ราคาจะไปไกลขนาดไหน?

ข่าวที่เกี่ยวข้อง:

พาชมรถหรู ‘James Bond’ ราคาปรับขึ้นแรงแค่ไหนเมื่อได้ชื่อเป็นรถสายลับ 007

‘ธุรกิจเช่ารถหรู’ เติบโตรับเทรนด์คนไทยนิยมนำมาเสริม ‘ภาพลักษณ์’ ให้ตัวเอง

แต่ก่อนที่เราจะได้รู้ค่าใช้จ่ายในการทำประกัน เราควรทำความรู้จักรถระดับตำนานคันนี้กันสักเล็กน้อยก่อน โดย Mercedes-Benz 300 SLR Uhlenhaut Coupe คันนี้นั้นเป็นรถสปอร์ตเปิดประทุนในระดับสูงสุดของโลก มีดีไซน์โฉบเฉี่ยวงดงามด้วยประตูแบบปีกนก (Gull-Wing) แถมยังเคยสร้างเกียรติประวัติในสนามแข่งด้วย โดย สเตอร์ลิง มอสส์ สุดยอดนักขับ สามารถควบรถคันนี้คว้าแชมป์ Mille Miglia และ Grand Prix Racing จนได้รับสมญาว่า ‘Silver Arrow’ หรือเจ้าศรเงิน เท่สุดๆ เลยทีเดียว

และเมื่อวันที่ 5 พฤษภาคมที่ผ่านมา Mercedes-Benz 300 SLR Uhlenhaut Coupe ซึ่งมีเพียง 2 คันในโลก ได้ถูกนำออกมาประมูล 1 คัน โดย Mercedes เองที่พิพิธภัณฑ์ Mercedes-Benz ในเมืองสตุตการ์ต เพื่อหารายได้สำหรับการมอบทุนการศึกษาด้านการศึกษาและวิจัยในสาขาวิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อมและการลดคาร์บอนสำหรับคนรุ่นใหม่

สำหรับผู้ชนะการประมูลนั้นได้รับการยืนยันจาก ไซมอน คิดสตัน ตัวแทนที่ได้รับมอบหมายให้ทำการประมูลแทนว่าไม่ใช่ ‘นักลงทุน’ ที่หวังเก็งกำไรจากสุดยอดรถระดับเพชรยอดมงกุฎคันนี้ หากแต่เป็นเพียงแค่คนธรรมดาๆ คนหนึ่งที่รักรถเท่านั้น

แต่เพราะเป็นคนรักรถ การ ‘กันไว้ก่อน’ จึงเป็นหนึ่งในเรื่องที่ถูกจับตามอง โดยเฉพาะหากเจ้าของรถคนใหม่คิดอยากที่จะนำเจ้าศรเงินออกมาวิ่งโลดแล่นบนถนนจริงๆ การทำประกันรถยนต์คันนี้จึงเป็นเรื่องที่กลายเป็นบทเรียนได้เลยทีเดียว

อ้างอิงจาก Hagerty บริษัทรับทำประกันรถสำหรับการสะสมที่มีมูลค่ารวมกันสูงเกินกว่า 1 พันล้านดอลลาร์ อย่างแรกที่หลายคนอาจจะเพิ่งทราบคือ โดยหลักการแล้วการทำประกันรถจะมีผลบังคับทางกฎหมายต่อเมื่อ ‘รถได้มีการใช้งานจริง’ เท่านั้น นั่นหมายความว่า หากเจ้าของรถไม่ได้นำออกมาใช้งานจริง ก็ไม่จำเป็นที่จะต้องทำประกัน และถึงจะทำ ประกันก็ไม่รับด้วย

มหาเศรษฐีผู้ครอบครองรถประเภทนี้จำนวนไม่น้อยที่ไม่ได้คิดจะใช้งานรถอย่างจริงจัง แค่ต้องการสะสมไว้ในแกลลอรีส่วนตัวเท่านั้น ซึ่งแบบนี้ไม่ต้องทำประกัน

แต่ในกรณีที่มีคิดจะทำประกันและไม่กังวลที่จะนำรถออกมาใช้งานจริงๆ รถยนต์ในระดับนี้จะไม่ถูกพิจารณาในเกณฑ์แบบเดียวกับรถยนต์เพื่อการใช้งานทั่วไปในชีวิตประจำวัน ซึ่งหลังๆ จะครอบคลุมเรื่องของการเฉี่ยวชน แต่หากจะใช้เกณฑ์พิจารณาในแบบเดียวกับ ‘งานศิลปะชั้นสูง’ ที่มีรายละเอียดยิบย่อยกว่ามาก

หลักๆ ของการทำประกันรถระดับนี้คือ เรื่องการคุ้มครองความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้นต่อตัวรถ ไปจนถึงการถูกจารกรรม หรืออุบัติเหตุ หรือบางบริษัทมีนโยบายในการปกป้องครอบคลุมถึงความเสียหายที่เกิดจากสงคราม ระเบิดนิวเคลียร์ หรืออื่นๆ

ข้อยกเว้นคือ หากเป็นความเสียหายที่เกี่ยวข้องกับเรื่องระบบกลไกเครื่องยนต์ เบรกสะบัด คลัตช์เสีย คันเกียร์หลุด เครื่องสะดุด เพลาหัก สลักหาย หัวเทียนห่าง ยางแฟบ แหนบตาย ไฟไม่จ่าย ไดไม่ชาร์จ สตาร์ทพัง แบบนี้ประกันจะไม่คุ้มครองแต่อย่างใด

บริษัทประกันจะพิจารณาในเรื่องของการเก็บรักษารถ ตั้งแต่การจัดส่งรถยนต์ว่าใช้การขนส่งแบบไหน ใช้รถยก ใช้เรือ หรือใช้เครื่องบินขนส่ง ถ้าเป็นรถมีจำนวนคนขับกี่คน ไปจนถึงโรงรถว่าเป็นโรงรถที่มีความปลอดภัยมากน้อยแค่ไหน มีกล้องวงจรปิดไหม มีสัญญาณเตือนภัยหรือไม่ มีสปริงเกอร์ดับไฟอัตโนมัติหรือเปล่า แล้วที่ฉีดออกมาเป็นน้ำหรือเป็นสารเคมีสำหรับการดับไฟออกมาโดยเฉพาะ

รายละเอียดเหล่านี้ลงไปได้ลึกถึงโรงรถนั้นเป็นโรงรถที่มีการควบคุมอุณหภูมิหรือไม่ และอายุของเจ้าของรถเลยทีเดียว ก่อนที่บริษัทประกันจะคำนวณเบี้ยประกันภัยให้

โดยเฉลี่ยแล้วรถมูลค่า 100 ล้านดอลลาร์ จะต้องจ่ายเบี้ยประกันราว 100,000 ดอลลาร์ต่อปี แต่อย่างที่บอกว่าบริษัทประกันต้องพิจารณาองค์ประกอบแวดล้อมหลายด้าน ซึ่งเบี้ยประกันอาจจะเป็น 1, 5 หรือ 10 เปอร์เซ็นต์ของราคารถได้เลยทีเดียว

จุดนี้เองที่เจ้าของรถสุดหรูอาจจะเลือกที่จะไม่ทำประกัน เพราะหากสมมติโชคร้ายเกิดความเสียหายขึ้นมา พวกเขาอาจจะยินดีจ่ายค่าซ่อม 50,000-100,000 ดอลลาร์เอง

สำหรับเจ้าศรเงิน Mercedes-Benz 300 SLR Uhlenhaut Coupe คันนี้ ทางด้านคิตสตัน และ Mercedes ไม่ได้เปิดเผยแต่อย่างใดว่าจะมีการทำประกันหรือไม่ และหากทำประกันจะมีรายละเอียดอย่างไร

แต่สิ่งที่มั่นใจได้คือ Silver Arrow จะได้รับการดูแลอย่างดีที่สุด สมฐานะสุดยอดรถอมตะเหนือกาลเวลาของมันอย่างแน่นอน

ภาพ: Courtesy of Mercedes-Benz

อ้างอิง: