พรุ่งนี้ (8 มิถุนายน) เวลา 09.30 น. ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ถนนเลียบทางรถไฟ ตลิ่งชัน นัดอ่านคำพิพากษาในคดีที่อัยการสูงสุดมีความเห็นสั่งฟ้อง พ.ต.อ. ธิติสรรค์ อุทธนผล หรืออดีตผู้กำกับโจ้ กับพวกรวม 7 คน ในความผิดฐาน
- เป็นเจ้าพนักงานร่วมกันปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต
- เป็นเจ้าพนักงานของรัฐร่วมกันปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใดในตำแหน่งหรือหน้าที่ หรือใช้อำนาจในตำแหน่งหรือหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต
- ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยทรมานหรือโดยกระทำทารุณโหดร้าย และร่วมกันตั้งแต่ห้าคนขึ้นไปข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการใด ไม่กระทำการใด หรือจำยอมต่อสิ่งใดโดยทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย เสรีภาพ ชื่อเสียง หรือทรัพย์สินของผู้ถูกข่มขืนใจนั้นเอง หรือของผู้อื่น หรือโดยใช้กำลังประทุษร้ายจนผู้ถูกข่มขืนใจต้องกระทำการนั้น ไม่กระทำการนั้น หรือจำยอมต่อสิ่งนั้น
- อันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 157, 288, 289 (5), 309 วรรค 2 พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 4, 172
สืบเนื่องจาก จิระพงศ์ ธนะพัฒน์ หรือ มาวิน ผู้เสียชีวิต ซึ่งถูกจับและควบคุมไว้ในคดียาเสพติดและถูกฆ่าถึงแก่ความตายขณะอยู่ในความควบคุมของเจ้าพนักงาน เมื่อช่วงระหว่างวันที่ 4-6 สิงหาคม 2564 ที่สถานีตำรวจภูธร (สภ.) นครสวรรค์
ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายน 2564 ประยุทธ เพชรคุณ รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด ได้เคยกล่าวไว้ว่า คดีนี้อัยการสูงสุด (อสส.) เป็นผู้มีอำนาจสั่งคดีตามที่กฎหมายระบุไว้ว่าคดีวิสามัญฆาตกรรม หรือการตายระหว่างการควบคุมของเจ้าหน้าที่ ให้เป็นอำนาจของอัยการสูงสุดพิจารณาสั่งคดีเพียงคนเดียว ซึ่ง อสส. ได้พิจารณาสำนวนคดีอย่างละเอียดถี่ถ้วนแล้วจึงมีคำสั่งฟ้องครบทุกข้อหา โดยเฉพาะข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยทรมานทารุณโหดร้าย ตาม ป.อาญา มาตรา 289 (5) โทษประหารชีวิตสถานเดียว
ขณะที่ โชคชัย อ่างแก้ว ทนายความของอดีตผู้กำกับโจ้ กับพวก ซึ่งเป็นผู้ใต้บังคับบัญชารวม 7 คน ขณะนี้จำเลยทั้ง 7 คน ไม่มีจำเลยคนใดได้รับการปล่อยชั่วคราว ยังคงถูกคุมขังที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร ซึ่งในวันพรุ่งนี้ ศาลน่าจะอ่านคำพิพากษาผ่านระบบจอภาพทางไกลหรือวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ไปยังเรือนจำ
ส่วนครอบครัวของอดีตผู้กำกับโจ้ ครอบครัวจำเลยอื่นๆ และครอบครัวผู้ตายจะเดินทางมาฟังคำพิพากษาด้วยหรือไม่นั้น ตนยังไม่ทราบ ที่ผ่านมาตนทำหน้าที่ทนายความให้อดีตผู้กำกับโจ้ถึงที่สุดแล้ว ผลคำพิพากษาจะเป็นเช่นไรตนไม่อาจคาดได้
สำหรับคดีนี้เบื้องต้นอดีตผู้กำกับโจ้ยอมรับว่าใช้ถุงดำคลุมศีรษะผู้ตายจริง เพื่อหาข้อมูลการค้ายาเสพติดและจะขยายผลจับกุม มิได้มีเจตนาฆ่าผู้ตายแต่อย่างใด อย่างไรก็ตาม คำพิพากษาเป็นดุลพินิจของศาลที่ไม่อาจก้าวล่วงได้ เมื่อรับทราบผลคำพิพากษาก็ต้องมาปรึกษากับครอบครัวของอดีตผู้กำกับโจ้อีกครั้งว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป