ในวันจันทร์แรกของเดือนพฤษภาคม (หรือเช้าวันอังคารของบ้านเรา) เหล่าคนดังระดับเอลิสต์ก็จะกลับมารวมตัวกันอีกครั้งที่งานแฟชั่นแห่งปีอย่าง Met Gala ประจำปี 2022 ที่พิพิธภัณฑ์ The Metropolitan Museum of Art เพื่อเปิดนิทรรศการ In America: An Anthology of Fashion ที่ฉลองประวัติศาสตร์แฟชั่นของสหรัฐอเมริกา
สำหรับเดรสโค้ดในปีนี้ก็ใช้ชื่อว่า Gilded Glamour ที่แม่งานอย่าง Anna Wintour จะพาเราย้อนช่วงเวลาไปยังแฟชั่นอันเรืองรองของยุค Gilded Age ในช่วงปลายศตวรรษที่ 19 – ต้นศตวรรษที่ 20 ที่เป็นผลมาจากความก้าวหน้าทางเศรษฐกิจและระบบอุตสาหกรรมที่เติบโตรวดเร็วและฉับพลันในสหรัฐอเมริกา ทำให้หมู่เศรษฐีและวงสังคมชั้นสูงมีความมั่งคั่งขึ้นอย่างมหาศาล และสะท้อนผ่านไลฟ์สไตล์ที่ฟุ่มเฟือย เช่น การสร้างคฤหาสน์ งานเต้นรำ การเดินทางข้ามทวีป ไม่ว่าจะเป็นตระกูลดังอย่าง Vanderbilt, Rockefeller, Carnegie และอีกมากมาย
วัฒนธรรมแต่งตัวในยุคนั้นได้อิทธิพลมาจากการแต่งกายแบบผู้หญิงฝั่งยุโรป เมื่อผู้หญิงชั้นสูงชาวอเมริกันมีกำลังซื้อมากพอที่จะเดินทางตัดชุดเดรสกับห้องเสื้อถึงกรุงปารีส เพื่อแสดงถึงฐานะของพวกเธอ แล้วนำกลับมาเฉิดฉายในวงสังคม โดยเฉพาะในมหานครนิวยอร์ก เมืองศูนย์กลางของอภิมหาเศรษฐี
เสื้อผ้าในยุคนั้นจึงมีองค์ประกอบหลัก ทั้งคอร์เซ็ตรัดตัว การเสริมไหล่แบบฟูฟ่อง การเสริมบั้นท้ายและกระโปรงสุ่มของชุดราตรี การใช้ผ้าไหมสีฉูดฉาดกับดีเทลการปักที่อู้ฟู่ การใช้ลูกไม้และคริสตัล ไปจนถึงหมวกประดับขนนกที่ดูฟุ่มเฟือยแบบที่เราเห็นจากซีรีส์แนวพีเรียด The Gilded Age ของช่อง HBO เช่นเดียวกับการแต่งกายของผู้ชายที่มักใส่ทักซิโด้ผูกโบว์ไทสีขาว สวมหมวกทรงสูง และถือไม้เท้า
ภัณฑารักษ์และนักประวัติศาตร์ Kate Strasdin ได้กล่าวกับสำนักข่าว CNN ว่าสิ่งที่เราจะได้เห็นในวันงาน Met Gala อาจไม่ถึงขั้นจัดเต็มแบบสมัยก่อน เนื่องจากสภาพสังคมปัจจุบันมีการจับตามองเรื่องความเหมาะสมเรื่องความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจ (แบบในยุค Gilded Age ที่ถึงแม้ว่าจะมีเศรษฐีเกิดขึ้นมากมาย แต่ประชาชนชาวอเมริกันยังมีความยากจน และเกิดช่องว่างระหว่างชนชั้นแบบที่ไม่เคยมีมาก่อน) แต่อาจได้เห็นหลายแบรนด์ดึงองค์ประกอบมาใช้ในการดีไซน์ชุด เช่น การปัก การใช้สีสัน และหมวกที่เป็นเครื่องประดับสำคัญของยุค Gilded Age
ภาพ: Columbia Pictures
อ้างอิง:
