เกิดอะไรขึ้น:
เมื่อวานนี้ (18 เมษายน) บมจ.ทิสโก้ไฟแนนเชียลกรุ๊ป (TISCO) รายงานกำไรสุทธิ 1Q65 จำนวน 1.8 พันล้านบาท (ทรงตัว QoQ, เพิ่มขึ้น 2%YoY) โดยมีรายการสำคัญดังนี้
- คุณภาพสินทรัพย์: NPL ลดลง 12%QoQ โดยเกิดจากการควบคุมคุณภาพลูกหนี้ที่มีประสิทธิภาพ ประกอบกับมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้ระยะยาว ส่งผลให้ลูกหนี้ในกลุ่มสินเชื่อเช่าซื้อและสินเชื่อจำนำทะเบียนที่ปรับโครงสร้างหนี้ไปแล้ว สามารถกลับมาชําระหนี้ได้หลังจากสถานการณ์การระบาดของโควิดเริ่มคลี่คลาย ขณะที่ LLR Coverage เพิ่มขึ้นจาก 237% ใน 4Q64 สู่ 262% ใน 1Q65
- สินเชื่อเติบโตขึ้น 0.3%QoQ (ลดลง 7.8%YoY) หลักๆ เกิดจากสินเชื่อธุรกิจและสินเชื่อ SMEs ขณะที่สินเชื่อรายย่อยหดตัวลงในอัตราที่ชะลอตัวลง สินเชื่อกลับมาเติบโต (แม้ว่าน้อยมาก เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ 1Q63) เพราะสภาวะตลาดดีขึ้น (มาตรการจำกัดการระบาดของโควิดผ่อนคลายลงมาก) และนโยบายปล่อยสินเชื่อเข้มงวดน้อยลง
- NIM ลดลง 10 bps QoQ เพราะผลตอบแทนจากสินทรัพย์ที่ก่อให้เกิดรายได้ลดลง 12 bps QoQ ขณะที่ต้นทุนทางการเงินลดลงเพียง 3 bps QoQ
- Non-NII ลดลง 23%QoQ และ 32%YoY โดยรายได้ค่าธรรมเนียมสุทธิปรับตัวลดลง เพราะไม่มีค่าธรรมเนียมตามผลประกอบการของธุรกิจจัดการกองทุน (Performance Fee) ตามฤดูกาล
- อัตราส่วนต้นทุนต่อรายได้เพิ่มขึ้น เนื่องจากรายได้ที่ปรับตัวลดลง
กระทบอย่างไร:
ในวันนี้ (19 เมษายน ณ เวลา 12.30 น.) ราคาหุ้น TISCO ไม่เปลี่ยนแปลง DoD อยู่ที่ระดับ 100.00 บาท ขณะที่ SET Index ที่ปรับขึ้น 0.7%DoD สู่ระดับ 1,680.00 จุด
มุมมองระยะสั้น:
SCBS ประเมินผลประกอบการ 1Q65 ของ TISCO โดยรวมเป็นไปตามการคาดการณ์ โดยสะท้อนถึงคุณภาพสินทรัพย์ที่ปรับตัวดีขึ้น (NPL ลดลง, Credit Cost ลดลง และ LLR Coverage สูงขึ้น), การกลับมาเติบโตของสินเชื่อ (แม้ว่าน้อยมาก), NIM ที่ลดลง QoQ, Non-NII ที่ลดลง และอัตราส่วนต้นทุนต่อรายได้ที่สูงขึ้น
อย่างไรก็ดี SCBS ปรับประมาณการกำไรปี 2565 เพิ่มขึ้น 5% หลักๆ เกิดจากการปรับประมาณการ Credit Cost ลดลง ขณะที่ TISCO ยังให้อัตราเงินปันผลตอบแทนที่น่าสนใจในระดับ 7.2% สำหรับปี 2564 และ 7.8% สำหรับปี 2565 ซึ่งเชื่อว่าประเด็นนี้สะท้อนในราคาหุ้นไปค่อนข้างมากแล้ว
มุมมองระยะยาว:
SCBS ปรับประมาณการกำไรปี 2565 เพิ่มขึ้น 5% สู่ 7.26 พันล้านบาท หรือเติบโตขึ้น 8%YoY จากการปรับประมาณการ Credit Cost ลดลงสู่ 60 bps (ลดลง 37 bps) เพื่อสะท้อนคุณภาพสินทรัพย์ใน 1Q65 ที่ดีกว่าคาด แต่สูงกว่าเป้าที่ TISCO วางไว้ที่ 50 bps เล็กน้อย จากความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบจากราคาน้ำมันสูงและสถานการณ์ตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ระหว่างรัสเซียกับยูเครน
สำหรับเป้าหมายปี 2565 TISCO ตั้งเป้าการเติบโตของสินเชื่อไว้ที่ 3-5% (หลังจากหดตัวลงเป็นเวลาหลายปี) โดยจะเน้นปล่อยสินเชื่อที่ให้ผลตอบแทนสูง (เช่น สินเชื่อทะเบียนรถ และสินเชื่อเช่าซื้อรถจักรยานยนต์) และบริษัทคาดว่า NIM จะปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่อง โดยเกิดจากผลตอบแทนจากการให้สินเชื่อที่ดีขึ้นจากการเปลี่ยนแปลงสัดส่วนสินเชื่อมามีสินเชื่อที่ให้ผลตอบแทนสูงเพิ่มมากขึ้น