×

กวินทร์ ธรรมสัจจานันท์ ผู้เปิดประตูสู่ยุโรปของนักฟุตบอลไทย

11.01.2018
  • LOADING...

HIGHLIGHTS

5 Mins. Read
  • กวินทร์ ธรรมสัจจานันท์ ผู้รักษาประตูทีมชาติไทย เซ็นสัญญาร่วมทีมสโมสรโอเอช ลูเวิน ทีมจากพร็อกซิมุส ลีก หรือลีกรองของประเทศเบลเยียม พร้อมสัญญา 5 ปี
  • สโมสรโอเอช ลูเวิน ทีมจากพร็อกซิมุส ลีก หรือลีกรองของประเทศเบลเยียม ถือเป็นโอกาสสำคัญสำหรับนักฟุตบอลที่ต้องการเวิร์กเพอร์มิตไปเล่นในศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ
  • สมฤกษ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา ผู้อำนวยการฟุตบอลสยามทีวี เชื่อมั่นว่ากวินทร์เป็นนักฟุตบอลไทยที่เหมาะสมที่สุดในเวลานี้ที่จะเปิดประตูสู่เวทียุโรปให้กับนักฟุตบอลไทย

“สมัยก่อนผมได้แต่ดู คนไทยกับฟุตบอลอังกฤษมันดูห่างกัน”

 

เป็นหนึ่งในคำพูดที่ กวินทร์ ธรรมสัจจานันท์ ผู้รักษาประตูหมายเลข 16 คนใหม่ของสโมสรโอเอช ลูเวิน ทีมจากพร็อกซิมุส ลีก หรือลีกรองของประเทศเบลเยียม กล่าวในงานแถลงข่าวเปิดตัวอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 10 มกราคมที่ผ่านมา ที่โรงแรมพูลแมน คิง เพาเวอร์

 

 

คำพูดของกวินทร์ แม้ว่าจะเต็มไปด้วยความรู้สึกตื่นเต้นและประทับใจกับโอกาสที่กำลังจะได้ไปค้าแข้งในยุโรปอย่างเป็นทางการพร้อมกับสัญญาถึง 5 ปีแล้ว ยังเป็นการสะท้อนให้เห็นว่าทั้งกวินทร์และฟุตบอลไทยได้เดินทางมาไกลมากจากอดีตที่ทุกอย่างเป็นเพียงความฝัน

 

 

ช่วงเวลา 2 เดือนที่ผ่านมามีข่าวดีสำหรับวงการฟุตบอลไทยมากมาย เมื่อเราได้เห็น พลตำรวจเอก สมยศ พุ่มพันธ์ุม่วง นายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย เลี้ยงส่ง 3 นักเตะทีมชาติไทยตั้งแต่ ธีรศิลป์ แดงดา ที่ได้สัญญายืมตัว 1 ปีกับสโมสรซานเฟรซเซ ฮิโรชิมา ขณะที่ ธีราทร บุญมาทัน จะไปอยู่กับวิสเซล โกเบ ด้วยสัญญายืมตัว 1 ปี และ ชนาธิป สรงกระสินธ์ กองกลางทีมชาติไทยที่เตรียมเดินทางกลับไปลงเล่นให้ทีมคอนซาโดเล ซัปโปโร

 

 

หลังการเปิดตัวอย่างเป็นทางการกับสโมสรใหม่ พร้อมค่าตัวสถิติใหม่ของประเทศไทย กวินทร์ได้เดินทางเข้าพบพลตำรวจเอก สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ที่สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย เพื่อรับโอวาทและคำอวยพรให้ประสบความสำเร็จกับความท้าทายครั้งนี้ ถือเป็นการส่งนักฟุตบอลไทยทั้งกองหน้า กองกลาง กองหลัง และผู้รักษาประตูออกไปสร้างชื่อเสียงและเรียนรู้จากฟุตบอลต่างประเทศเพื่อกลับมาพัฒนาวงการฟุตบอลไทย

 

 

ฟุตบอลไทยเดินทางผ่านกาลเวลามาอย่างยาวนานตั้งแต่การก่อตั้งสมาคมเมื่อ พ.ศ. 2459 ในช่วงเวลาร้อยกว่าปี เราสามารถผ่านการไปแข่งขันโอลิมปิกมาสองครั้งใน ค.ศ. 1956 และ 1968 แต่เป้าหมายใหญ่ที่สุดอย่างฟุตบอลโลกนั้นยังเป็นสิ่งที่อยู่ห่างไกลในความคิดของแฟนบอลหลายชั่วอายุคนที่ผ่านมา

 

ซึ่งหนทางเดียวที่ไทยจะสามารถผ่านไปเล่นฟุตบอลโลกได้ตามเป้าหมายคือความพยายามที่จะลดช่องว่างระหว่างฟุตบอลไทยกับทีมชั้นนำของเอเชีย ก่อนที่จะสามารถขึ้นไปขับเคี่ยวเพื่อคว้าสิทธิ์ไปแข่งขันได้อย่างเต็มที่

 

 

ช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เราได้เห็นนักฟุตบอลไทยอย่างชนาธิป สรงกระสินธ์ สร้างผลงานจนเป็นที่ยอมรับในประเทศญี่ปุ่นกับสโมสรคอนซาโดเล ซัปโปโร ในเจลีก ฟุตบอลลีกสูงสุดในประเทศญี่ปุ่น จนสามารถเปิดประตูแห่ง ‘โอกาส’ ให้กับเพื่อนๆ นักฟุตบอลไทย ที่ล่าสุดมีทั้งธีรศิลป์ แดงดา และธีราทร บุญมาทัน ซึ่งเตรียมแพ็กกระเป๋าไปโชว์ฝีเท้าที่ประเทศญี่ปุ่นด้วยสัญญายืมตัว 1 ปี

 

จนช่องว่างที่ว่านี้ดูเหมือนจะลดลงตามโอกาสที่นักฟุตบอลไทยเริ่มได้รับการยอมรับมากขึ้นในการแข่งขันฟุตบอลเจลีก ประเทศญี่ปุ่น ก่อนที่จะเกิดดีลครั้งใหญ่ของวงการฟุตบอลไทยขึ้น ซึ่งหากกวินทร์สร้างผลงานได้ดี ก็จะเป็นการเปิดโอกาสให้นักฟุตบอลไทยได้เดินทางไปค้าแข้งในยุโรปมากขึ้น

 

โอกาสของกวินทร์ กับประตูสู่ความฝัน ‘พรีเมียร์ลีก อังกฤษ’

ทำไมดีลครั้งนี้จึงเป็นประตูสู่ความฝันในการที่นักเตะไทยจะได้ลงเล่นในฟุตบอลพรีเมียร์ลีกอังกฤษ

 

สาเหตุหลักนั้นเกิดจากความใกล้ชิดระหว่างฟุตบอลในอังกฤษ และฟุตบอลในเบลเยียม

 

ตลอดเวลาที่ผ่านมา ในอดีตเราเห็นสโมสรจากฟุตบอลอังกฤษมีความสัมพันธ์กับทีมจากเบลเยียม เช่น แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เป็นสโมสรพันธมิตรกับอันเวิร์ป

 

โดยหลังจากที่มีข่าวกลุ่มบริษัทคิง เพาเวอร์ เข้าซื้อหุ้นเอาด์ เฮเวอร์เลย์ เลอเวน หรือโอเอช ลูเวิน เมื่อวันที่ 16 มิถุนายน 2017 สื่ออังกฤษอย่าง The Telegraph ยังมองว่าสโมสรในลีกรองของเบลเยียมแห่งนี้จะเป็นสโมสรพันธมิตรที่ส่งเสริมให้เลสเตอร์ ซิตี้ ในพรีเมียร์ลีกแข็งแกร่งขึ้นด้วยสัญญายืมตัว และช่วยเปิดโอกาสเข้าถึงนักเตะคุณภาพของเบลเยียม ซึ่งที่ผ่านมานักฟุตบอลคุณภาพอย่าง เควิน เดอ บรอยน์ และเอเดน อาซาร์ ก็เป็นผลผลิตของลีกในประเทศเบลเยียมทั้งนั้น

 

นอกจากฟุตบอลในเบลเยียมจะขึ้นชื่อในเรื่องของการพัฒนานักเตะให้กับสโมสรในพรีเมียร์ลีก อังกฤษแล้ว นักเตะต่างชาติที่ต้องการเวิร์กเพอร์มิตเพื่อลงแข่งให้กับสโมสรฟุตบอลในประเทศอังกฤษยังสามารถส่งผู้เล่นให้ทีมในเบลเยียมยืมตัวเป็นเวลา 3 ปี เพื่อให้ได้สัญชาติ EU และสามารถย้ายมาเล่นในประเทศอังกฤษ​ได้อีกด้วย

 

กรณีนี้ถือเป็นส่วนสำคัญสำหรับช่องทางที่กวินทร์จะสร้างประวัติศาสตร์เป็นผู้รักษาประตูไทยคนแรกในพรีเมียร์ลีก อังกฤษ​

 

 

กวินทร์เป็นคนที่เหมาะสมที่สุดแล้วที่จะเปิดประตูนี้

จากที่ THE STANDARD ได้พูดคุยกับผู้สื่อข่าว คนในวงการฟุตบอล ทุกคนต่างก็มีความเชื่อมั่นว่ากวินทร์นับเป็นนักฟุตบอลท่ีเหมาะสมที่สุดสำหรับโอกาสในครั้งนี้

 

สมฤกษ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา ผู้อำนวยการฟุตบอลสยามทีวี และคอลัมนิสต์ชื่อดังนามปากกา ‘ปูเป้’ ได้ให้สัมภาษณ์กับ THE STANDARD ถึงโอกาสครั้งสำคัญของวงการฟุตบอลไทย

 

ปูเป้เชื่อว่าดีลครั้งนี้ถือว่าเป็นเหตุการณ์สำคัญสำหรับประวัติศาสตร์ฟุตบอลไทย โดยกวินทร์ถือเป็นนักฟุตบอลไทยที่เหมาะสมที่สุดสำหรับโอกาสในเวทียุโรปครั้งนี้

 

“การได้ไปเล่นในลีกเบลเยียม ใครๆ ก็รู้ว่าเป็นลีกที่เหมือนตัวกรองไปสู่อังกฤษ ซึ่งนั่นเหมือนเป็นการทดสอบ ถามว่าผู้รักษาประตูมีโอกาสมากไหม ผู้รักษาประตูมีโอกาสมาก เพราะว่าโอกาสที่ตองจะได้รับลูกบอลอย่างอุตลุดมีเยอะ แล้วฝีมือเขาดีอยู่แล้ว วันที่เขาโดนยิงเป็นสิบๆ แล้วเขาเซฟได้ 7-8 ลูก โอกาสการแสดงศักยภาพก็เยอะกว่าตำแหน่งอื่น

 

“ผมคิดว่าตองเป็นนักฟุตบอลที่เพอร์เฟกต์ที่สุด วันนี้เขาครบทั้งประสบการณ์ ความแข็งแกร่ง ระเบียบวินัย เรียกว่าตำนานได้เลย ถ้าไม่ใช่ตอง ผมมองไม่เห็นแล้วล่ะว่าใครที่เหมาะจะเปิดประตูสู่ยุโรปในเวลานี้

 

“ผมว่าเป้าหมายของเขาคงเป็นก้าวต่อไปที่ไม่ได้อยู่ที่สโมสรแห่งนี้ แต่เป็นประตูสู่เลสเตอร์ ซิตี้ ในมุมมองของผม ความสำเร็จต้องวัดจากที่เขาจะสามารถไปสู่เลสเตอร์ได้หรือเปล่า แต่ผมเชื่อว่าเขาจะทำได้”

 

คำอำลาพร้อมกำลังใจจากครอบครัว

ในขณะที่ผู้สื่อข่าวทุกสำนักกำลังมุ่งเน้นสัมภาษณ์ความรู้สึกของกวินทร์ ธรรมสัจจานันท์ ถึงโอกาสสำคัญในครั้งนี้ THE STANDARD ได้เข้าไปพูดคุยกับคุณพ่อวัย 61 ปี ประมวล ธรรมสัจจานันท์ ที่กำลังแอบมองอยู่ด้านหลังด้วยความภาคภูมิใจที่เห็นลูกสร้างฝันของตนเองให้เป็นจริง คุณพ่อของกวินทร์เผยความรู้สึกว่า

 

“พ่อรู้สึกดีใจแล้วก็ภูมิใจไปกับเขาที่ทำความฝันให้เป็นจริงได้ ความฝันนี้เขาฝันมานานแล้ว โอกาสนี้ถือว่าเป็นโอกาสที่ดีที่เขาจะสร้างฝันให้เป็นจริงขึ้นมา

 

“ผมเชื่อว่าตองจะพยายามสร้างความฝันของเขา และทำให้คนไทยทุกคนภูมิใจได้ว่าคนไทยก็มีดีเหมือนกัน อยากให้เด็กๆ ดูเขาเป็นตัวอย่างที่ดี”

 

นอกจากนี้ยังมีสิ่งที่คุณพ่ออยากจะบอกกวินทร์ก่อนจะบินไปพบความท้าทายครั้งนี้ว่า

 

“ผมอยากจะบอกเขาว่า ตอนอยู่เมืองไทยเรามีระเบียบวินัยยังไง มีความมุ่งมั่นตั้งใจยังไง พยายามยังไง ในเมื่อโอกาสเปิดแล้ว เราก็ต้องไปให้ถึง และต้องไปให้ได้

 

“มีอะไรก็แสดงออกมาให้เต็มที่”

 

ประตูแห่งโอกาสของกวินทร์ได้เปิดกว้างแล้ว ที่เหลือก็ต้องรอดูว่าเขาจะรักษาโอกาสครั้งนี้ไว้ได้ดีเหมือนฝีมือรักษาประตูในสนามที่ผ่านมาหรือไม่ แต่ถึงอย่างไร เชื่อว่าแฟนบอลชาวไทยคงเอาใจช่วยเขาอย่างแน่นอน

 

อ้างอิง:

  • LOADING...

READ MORE





Latest Stories

Close Advertising
X