วันนี้ (18 มีนาคม) ที่สถานีตำรวจนครบาล (สน.) บางขุนนนท์ รังสิมันต์ โรม สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) แบบบัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ได้เดินทางเข้าพบ พ.ต.ท.หญิง พฤกษา บุญดำเนิน สารวัตร (สอบสวน) สน.บางขุนนนท์ ภายหลังจากที่ถูกออกหมายจับจากการที่อภิปรายทั่วไปเรื่องการค้ามนุษย์ชาวโรฮิงญาและการวิ่งเต้นตำแหน่งของข้าราชการตำรวจ (ตั๋วช้าง) และพาดพิงถึงมูลนิธิป่ารอยต่อของ พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะเป็นประธานมูลนิธิ ในสภา เมื่อต้นปี 2563 โดยมีกลุ่มราษฎรและแนวร่วมเดินทางเข้ามาให้กำลังใจจำนวนมาก
สำหรับการเดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวนในเช้าวันนี้มีเพื่อน ส.ส. และสมาชิกพรรคก้าวไกลมาให้กำลังใจ เช่น พิธา ลิ้มเจริญรัตน์, พล.ต.ต. สุพิศาล ภักดีนฤนาถ, กรุณพล เทียนสุวรรณ และกลุ่มคนรุ่นใหม่นนทบุรี
ขณะที่บรรยากาศหน้า สน.บางขุนนนท์ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำแผงเหล็กมาปิดกั้นทางเข้าออกและมีกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจพร้อมอุปกรณ์สลายการชุมนุมมายืนเป็นแถวเรียงหน้ากระดานจำนวน 50 นาย และมีกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมฝูงชน (คฝ.) อีก 1 กองร้อย เป็นกำลังเสริมอยู่ด้านใน
มีรายงานว่าช่วงเวลาประมาณ 07.30 น. ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าแถวเพื่อรักษาความปลอดภัยอยู่ด้านหน้า สน.บางขุนนนท์ ได้มีเสียงดังคล้ายเสียงอาวุธปืนดังขึ้น 1 ครั้ง ซึ่งจากการตรวจสอบเจ้าหน้าที่แจ้งว่า เป็นอาวุธปืนลูกซองที่ใช้ในการสลายการชุมนุมได้ลั่นขึ้น เป็นกระสุนยาง และไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บ
ด้านรังสิมันต์ได้กล่าวก่อนเข้าพบพนักงานสอบสวนที่บริเวณทางเข้า สน.บางขุนนนท์ ว่า การเข้าพบเจ้าหน้าที่ตำรวจในครั้งนี้เป็นการเข้าพบเจ้าหน้าที่ตำรวจตามหมายจับ และเพื่อเป็นการแสดงความบริสุทธิ์ใจและป้องกันไม่ให้เจ้าหน้าที่รัฐอาศัยช่องว่างตรงนี้ในการกระทำการบังคับใช้กฎหมายโดยมิชอบ ซึ่งการออกหมายจับในครั้งนี้เนื่องมาจากตนได้อภิปรายเรื่องปัญหามูลนิธิอนุรักษ์ป่ารอยต่อ 5 จังหวัดเมื่อช่วงต้นปี 2563 โดยมีการกล่าวถึง พล.อ. ประวิตร ต่อมาพบว่าตัวเองถูก สน.บางขุนนนท์ ออกหมายเรียก 2 ครั้ง คือ วันที่ 23 กุมภาพันธ์ และวันที่ 5 มีนาคม เพื่อให้ไปพบกับตำรวจในวันที่ 11 มีนาคม ซึ่งในช่วงเวลาที่มีการออกหมายเรียกตนอยู่ในระหว่างสมัยประชุมของสภาผู้แทนราษฎรในสภา จึงยังไม่สามารถเข้าพบเจ้าหน้าที่ได้ พร้อมส่งทนายความส่วนตัวชี้แจงกับพนักงานสอบสวนไปแล้ว ซึ่งพนักงานสอบสวนก็รับปากว่าจะมีการถอนหมายก่อน แต่จู่ๆ ก็มีการออกหมายจับของศาลจังหวัดตลิ่งชัน ซึ่งตนก็ต้องขอสังเกตว่าทำไม่ถึงมีการออกหมายเรียกและหมายจับในช่วงที่ตนกำลังอภิปรายเรื่องตั๋วช้าง การค้ามนุษย์ นอกจากนี้คดีดังกล่าวยังมีโทษจำคุกสูงเกิน 3 ปี และตนก็มีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง ไม่มีพฤติกรรมหลบหนี แต่กลับมีการออกหมายจับ ซึ่งตามกระบวนการหากวันนี้มีการส่งฟ้องกับพนักงานอัยการ มีการสั่งฟ้อง ถ้าให้ประกันตัวตนก็สู้ไปตามกระบวนการ แต่หากไม่ให้ประกันตัวจะมีผลกับตำแหน่งความเป็น ส.ส. และการทำหน้าที่ในสภาอย่างแน่นอน
รังสิมันต์กล่าวว่า การบังคับใช้กฎหมายในลักษณะนี้ตนมองว่าเป็นการบังคับใช้กฎหมายโดยมิชอบ ไม่ใช่แค่ตน แต่กับพี่น้องประชาชนที่มีความเห็นต่างก็ถูกดำเนินคดีไม่ตามๆ กัน พี่น้องบางคนที่ถูกดำเนินคดี มีการเข้ารายงานตัว ไม่มีประวัติเสียแต่กลับถูกสวมกำไล EM มันสะท้อนให้เห็นการทำงานของกระบวนการยุติธรรม ซึ่งตอนนี้มันไม่สามารถเรียกว่ากระบวนการยุติธรรมได้แล้ว ต้องเรียกว่ากระบวนการอยุติธรรม ส่วนตัวไม่ได้กังวลใจและมองว่ากระบวนการในชั้นพนักงานอัยการคงจะไม่ไปถึงขนาดนั้น
ส่วนการดำเนินคดีกลับกับเจ้าหน้าที่ตำรวจตนจะทำอย่างแน่นอน ยอมรับว่าลำบากใจ เข้าใจว่าตำรวจผู้น้อยถูกบีบมา แต่การที่ท่านถูกบีบมาและมาบังคับใช้กฎหมายกับประชาชนโดยมิชอบ ตนก็ยอมรับไม่ได้เช่นกัน
ด้านพิธา หัวหน้าพรรคก้าวไกล เปิดเผยว่าวันนี้เดินทางมาให้กำลังใจกับโรม และอยากจะเข้าไปถามถึงกระบวนการขั้นตอนการออกหมายจับในครั้งนี้ ตนอยากถามว่า ถ้าวันนี้คู่ขัดแย้งหรือโรมไม่ได้เป็นพูดพาดพิงไปถึง พล.อ. ประวิตร การบังคับใช้กฎหมายจะออกมาในรูปแบบนี้ไหม
ขณะที่ กฤษฎางค์ นุตจรัส ทนายความเปิดเผยว่า ขั้นตอนวันนี้หลังจากรับทราบข้อกล่าวหากับพนักงานสอบสวนแล้ว คาดว่าจะส่งตัวไปให้พนักงานอัยการเพื่อพิจารณาส่งฟ้อง ส่วนทีมทนายความเตรียมหลักทรัพย์ไว้ หากจำเป็นต้องใช้ในการประกันตัวเพื่อสู้คดีในกระบวนการยุติธรรมต่อไป
ต่อมาเวลา 09.30 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.บางขุนนนท์ ได้ควบคุมตัวรังสิมันต์ขึ้นรถตู้ตำรวจเพื่อนำตัวส่งอัยการศาลแขวงตลิ่งชัน โดยมีกลุ่มมวลชนเดินทางจาก สน.บางขุนนนท์ ตามไปที่ศาลเพื่อรอฟังผลว่าพนักงานอัยการจะมีการสั่งฟ้องหรือไม่