ราคาทองคำในวันนี้ (7 มีนาคม) พุ่งขึ้นทะลุระดับ 2,000 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ทำสถิติสูงสุดในรอบ 18 เดือน โดยเป็นผลมาจากความกังวลของนักลงทุนเกี่ยวกับเหตุการณ์ความไม่สงบในรัสเซีย-ยูเครน ที่คาดว่าจะยืดเยื้อจนฉุดเศรษฐกิจให้ชะลอตัว โดยเฉพาะอัตราเงินเฟ้อที่มีแนวโน้มจะพุ่งสูงขึ้นตามราคาน้ำมันและสินค้าโภคภัณฑ์ หลังสหรัฐอเมริกาและชาติพันธมิตรกำลังพิจารณาห้ามการนำเข้าน้ำมันและก๊าซธรรมชาติของรัสเซีย
อีกหนึ่งปัจจัยที่สนับสนุนให้ราคาทองคำปรับตัวสูงขึ้นมาจากกองทุน SPDR ซึ่งเป็นกองทุนทองคำขนาดใหญ่ ได้เข้าถือครองทองคำเพิ่มอย่างต่อเนื่อง โดยจากต้นปีถึงปัจจุบันเข้าถือครองทองคำเพิ่มแล้ว 78.62 ตัน ส่งผลให้ล่าสุดถือครองทองคำอยู่ที่ 1,054.28 ตัน ขณะเดียวกัน นักลงทุนยังคงเทขายสินทรัพย์เสี่ยงอื่นๆ ทำให้ทองคำปรับตัวเพิ่มขึ้นสวนทางสินทรัพย์อื่นๆ ในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย
สำหรับราคาทองคำในประเทศไทยล่าสุด วันนี้ ณ เวลา 16.30 น. สมาคมค้าทองคำได้ปรับราคาในประเทศเพิ่มขึ้นรวม 600 บาทต่อบาททองคำ ทำให้ราคาทองคำแท่งรับซื้อที่ 30,750 บาทต่อบาททองคำ ขายออกที่ 30,850 บาทต่อบาททองคำ ส่วนทองรูปพรรณ รับซื้อที่ 30,198 บาทต่อบาททองคำ ขายออกที่ 31,350 บาทต่อบาททองคำ
นอกจากทองคำแล้ว ราคาแร่โลหะหลายชนิดที่มีรัสเซียเป็นผู้ผลิตรายใหญ่ของโลก ในวันนี้ก็ปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็นสถิติเช่นกัน โดยราคาเหล็กและนิกเกิลปรับเพิ่มขึ้นกว่า 20% ภายในหนึ่งวัน ขณะที่พาลาเดียมปรับเพิ่มขึ้น 5.6% มาอยู่ที่ระดับ 3,170 ดอลลาร์ต่อออนซ์
Jeffrey Halley นักวิเคราะห์อาวุโสของ OANDA ระบุว่า ราคาของวัตถุดิบในการผลิตที่ปรับเพิ่มสูงขึ้นจะส่งผลกระทบต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศที่ยังฟื้นตัวจากโควิดได้ช้า
“ท่ามกลางภาวะที่เงินเฟ้อพุ่งสูงขึ้นในขณะที่เศรษฐกิจยังฟื้นตัวได้ช้า ทำให้เราเชื่อว่าตัวเลขคาดการณ์ GDP ของหลายประเทศทั่วโลกจะถูกปรับลดลง อีกเรื่องที่ต้องจับตาดูคือท่าทีของธนาคารกลางในประเทศต่างๆ” Halley กล่าว
อ้างอิง:
ช่องทางติดตาม THE STANDARD WEALTH
- Twitter: twitter.com/standard_wealth
- Instagram: instagram.com/thestandardwealth
- Official Line คลิก https://lin.ee/xfPbXUP