วานนี้ (29 มกราคม) ทีมงานจากกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข ลงพื้นที่ประเมินสถานการณ์ทางด้านสุขภาพและสิ่งแวดล้อมในพื้นที่เกิดเหตุน้ำมันดิบรั่วไหลในทะเล จังหวัดระยอง โดย นพ.สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมอนามัย เปิดเผยว่า จากการสำรวจข้อมูลพบว่า ในเบื้องต้นพบคราบน้ำมันดิบบริเวณหาดแม่รำพึง (ลานหินดำ) และในพื้นที่มีสถานประกอบการ 15 แห่ง รวมถึงตลาดแพปลาประมงพื้นบ้าน 3 แห่ง อาจส่งผลทำให้เกิดการปนเปื้อนของสารเคมีในสิ่งแวดล้อม หากมีการสัมผัสหรือเข้าสู่ร่างกายอาจมีผลกระทบต่อสุขภาพแบบเฉียบพลัน เช่น หายใจลำบาก ปวดศีรษะ คลื่นไส้ อาเจียน ฯลฯ โดยเฉพาะผู้มีอาการภูมิแพ้ โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง จะทำให้มีอาการรุนแรงมากขึ้นได้ และหากมีการสัมผัสทางดวงตาและผิวหนังโดยตรงอาจส่งผลให้ทำให้เกิดการระคายเคือง
นอกจากนี้อาจส่งผลกระทบแบบเรื้อรังและระยะยาวหากได้รับสารพิษในปริมาณความเข้มข้นเกินมาตรฐานและได้รับเป็นเวลานาน อาจส่งผลต่อระบบไต ตับ ระบบทางเดินอาหาร ระบบสืบพันธุ์ ระบบภูมิคุ้มกัน ระบบประสาท และในกรณีที่มีการกินอาหารทะเลที่มีสารปนเปื้อนสารโลหะหนักที่เกินค่ามาตรฐาน ในระยะยาวมีโอกาสเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งได้
ทั้งนี้ เพื่อเป็นการเร่งแก้ปัญหาในทุกส่วน กรมอนามัยจึงมีข้อแนะนำสำหรับการปฏิบัติงาน 2 ข้อ ดังนี้
1. เฝ้าระวังความเสี่ยงสุขภาพบุคคล โดยสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดร่วมกับ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่จำแนกความเสี่ยงของผู้รับสัมผัสสารพิษเป็น 3 ระดับ คือ
- เสี่ยงสูงมาก (เจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานเก็บกู้คราบน้ำมัน)
- เสี่ยงปานกลาง (เจ้าหน้าที่ทีมสนับสนุนในพื้นที่)
- เสี่ยงต่ำ (ประชาชนและนักท่องเที่ยว)
เพื่อการติดตามผลในระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว จัดทำข้อมูลความเสี่ยงสุขภาพรายวันสำหรับผู้ที่มีโอกาสรับสัมผัสสารเคมี ทั้งกลุ่มผู้ปฏิบัติงานและประชาชน เพื่อใช้สำหรับการกำกับ ติดตาม และเฝ้าระวังความเสี่ยงสุขภาพในระยะยาว และสำรวจข้อมูลร้านอาหารหรือร้านจำหน่ายอาหารทะเลพื้นที่ โดยอาศัยความร่วมมือจากชมรมผู้ประกอบการร้านอาหารในพื้นที่ ให้ผู้ประกอบการ แจ้งข้อมูลแหล่งที่มาของวัตถุดิบจำพวกอาหารทะเลหรือสัตว์ทะเลที่ใช้ประกอบเป็นอาหารจำหน่ายแก่หน่วยงานในพื้นที่ เพื่อเป็นการสร้างความมั่นใจต่อประชาชนในการเลือกซื้ออาหารทะเลที่มาจากแหล่งที่ได้มาตรฐาน ไม่มีการปนเปื้อนของสารพิษจากคราบน้ำมัน รวมถึงสำรวจข้อมูล เพื่อการกำกับ ติดตาม และป้องกันผลกระทบต่อสุขภาพจากการรับสัมผัสสารพิษกรณีน้ำมันรั่วไหลในทะเลของกลุ่มเปราะบางในพื้นที่ เช่น ผู้สูงอายุ หญิงตั้งครรภ์ และเด็กเล็ก
2. สื่อสารความเสี่ยง สร้างการรับรู้ และมีคำแนะนำประชาชน รวมทั้งสถานประกอบการ ด้วยการให้ประชาชนติดตามสถานการณ์ในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง เพื่อเตรียมรับมือต่อผลกระทบสุขภาพ หลีกเลี่ยงการลงเล่นน้ำในจุดที่มีความเสี่ยงต่อการมีคราบน้ำมันที่ชายหาด หากพบว่ามีอาการผื่นขึ้น ผิวหนังอักเสบบริเวณที่สัมผัสกับคราบน้ำมัน ให้รีบปรึกษาแพทย์ทันที และแจ้งเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ทราบ อีกทั้งแนะนำให้ผู้ประกอบการร้านอาหารและจำหน่ายอาหารทะเลพื้นบ้านดูแลป้องกันตนเองจากการรับสัมผัสสารเคมี เลือกหาปลาและจับสัตว์น้ำทะเลในบริเวณที่ไม่ได้รับผลกระทบจากน้ำมันดิบรั่วไหล
“อยากเน้นย้ำให้ประชาชนเลือกกินอาหารทะเลจากแหล่งที่เชื่อถือได้และไม่ได้รับผลกระทบจากคราบน้ำมันดิบ รวมทั้งสังเกตลักษณะกลิ่น สี และคราบน้ำมันในสัตว์ทะเล หากพบความผิดปกติให้หลีกเลี่ยงการกิน ส่วนกรณีได้รับกลิ่นไอระเหยจากคราบน้ำมันให้สวมหน้ากากป้องกันสารเคมีตลอดเวลา” นพ.สุวรรณชัย กล่าว