One for the Road วันสุดท้าย..ก่อนบายเธอ เพิ่งปล่อยตัวอย่างภาพยนตร์ออกไปได้ไม่นาน ซึ่งก็เชื่อว่าหลังจากได้ชมมู้ดแอนด์โทน รวมไปถึงเมสเสจแรกของหนัง ที่ถ่ายทอดความคิดถึง ‘แฟนเก่าส์’ ผ่าน ‘เรื่องเหล้า’ ความรัก มิตรภาพ และการเดินทาง ตอนนี้หลายคนน่าจะกำลังตั้งตารอคอยการเข้าฉายในโรงภาพยนตร์วันแรก 10 กุมภาพันธ์นี้
THE STANDARD POP รวบรวม ‘เหตุผล’ ก่อนที่เราจะได้ร่วมออกเดินทางกลับไปหาแฟนเก่าของ ‘บอส’ และ ‘อู๊ด’ สองตัวละครหลักของเรื่องในอีกราว 2 สัปดาห์ข้างหน้า ไม่ว่าคุณจะเคยมีหรือไม่มีแฟนเก่าก็ตามที
ผลงานจากการร่วมมือของผู้กำกับร้อยล้านและผู้กำกับระดับตำนาน
One for the Road วันสุดท้าย..ก่อนบายเธอ เป็นภาพยนตร์ขนาดยาวเรื่องที่ 3 ของ บาส-นัฐวุฒิ พูนพิริยะ ผู้กำกับที่เคยสร้างปรากฏการณ์โกงสุดหวือหวาทั้งในไทยและระดับโลกจาก ฉลาดเกมส์โกง (2560) เครดิตสำคัญที่สร้างโอกาสและความท้าทายใหม่ๆ มาตลอดนับตั้งแต่หนังเปิดตัวฉาย
โดยครั้งนี้เขากลับมาพร้อมเรื่องราวที่ลึกซึ้งมากขึ้น เป็นส่วนตัวมากขึ้น หลังจากได้ตกผลึกเรื่องราวชีวิตของตัวเองมาพักใหญ่ ผ่านการทำงานร่วมกับผู้กำกับระดับปรมาจารย์ หว่องกาไว (Days of Being Wild, Chungking Express, In the Mood for Love) ที่รับหน้าที่โปรดิวเซอร์ดูแลการผลิตอย่างใกล้ชิด
ร่วมด้วยทีมเขียนบทระดับพระกาฬอย่าง ไก่-ณฐพล บุญประกอบ (ผู้กำกับ 2,215 เชื่อ บ้า กล้า ก้าว), โรส-พวงสร้อย อักษรสว่าง (ผู้กำกับ นคร-สวรรค์), อู๊ด-นพรัตน์ วัฒนวราภรณ์ (ครีเอทีฟไดเรกเตอร์และผู้ก่อตั้งเอเจนซี iSM ร่วมกับบาส), ณัฏฐ์ษา จิตรชัยธีร์กุล และกำกับภาพโดย แอ้น-ภาเกล้า จิระอังกูรกุล ที่เคยฝากมุมกล้องเฉียบคมจากหนังเรื่อง Bad Genius ฉลาดเกมส์โกง มาแล้ว
บาสยังได้เล่าให้เราฟังในงานแถลงข่าวว่า ภาพยนตร์เรื่องนี้จะผสมผสานความเป็นบาสและหว่องกาไวไว้อย่างลงตัว เพราะในขณะที่ภาพยนตร์ของเขามีเสน่ห์อยู่ตรงเส้นเรื่องที่แข็งแรงและพล็อตที่หวือหวา แต่ภาพยนตร์ของหว่องกาไวให้ความสำคัญกับบรรยากาศและมวลความรู้สึกที่ถ่ายทอดไปถึงใจผู้ชม เมื่อมาผสมผสานกันแล้ว ภาพยนตร์เรื่องนี้จะเล่าเรื่องอย่างไม่ธรรมดา และอัดแน่นไปด้วยความรู้สึกที่ทำให้ทุกคนอิ่มเอม ตื้นตันใจ จนต้องเดินซับน้ำตาออกจากโรงภาพยนตร์อย่างแน่นอน
‘หนังว่าด้วยความน่ายินดีของการมีชีวิต’ ภาพยนตร์ที่คว้ารางวัลจาก Sundance Film Festival 2021
ก่อนที่ภาพยนตร์เรื่องนี้จะมีกำหนดฉายอย่างเป็นทางการในประเทศไทย บาสได้นำผลงานลำดับที่ 3 ของเขาไปฉายรอบเวิลด์พรีเมียร์ ณ เทศกาลภาพยนตร์ระดับโลกอย่าง Sundance Film Festival 2021 เมื่อช่วงมกราคมปีที่ผ่านมา และสามารถคว้ารางวัล World Dramatic Special Jury Award ในสาขา Creative Vision มาได้
ถือเป็นภาพยนตร์ที่กำกับโดยคนไทยเรื่องแรกที่สามารถเก็บรางวัลจาก Sundance มาครองได้ รวมทั้งภาพยนตร์เรื่องนี้ยังได้รับคำวิจารณ์ในเชิงบวกจำนวนมากจากการฉายรอบเวิลด์พรีเมียร์ในครั้งนั้น
“Wholly original” (แปลกใหม่ไม่เหมือนใคร) – Film Updates
“A road trip to remember” (การเดินทางที่น่าจดจำ) – Film Inquiry
“A-Knock out” (กระแทกใจแบบเต็มๆ) – Deadline
“A celebration of life that’s also incredibly emotional” (หนังว่าด้วยความน่ายินดีของการมีชีวิต ที่ซาบซึ้งเกินคาด) – Payorwait.com
แม้นี่จะเป็นเพียงคำวิจารณ์ส่วนหนึ่ง แต่ก็คงช่วยยืนยันความพิเศษและความคุ้มค่าที่รอคอยอยู่ในภาพยนตร์เรื่องนี้ได้
‘เพราะใครๆ ก็เคยมีแฟนเก่า’ พล็อตเรื่องที่จะพาคุณดำดิ่งไปค้นหาเศษเสี้ยวความทรงจำที่หลงลืมไปแล้ว
“กูอยากไปเจอแฟนเก่าส์”
คำขอของอู๊ด (ไอซ์ซึ-ณัฐรัตน์ นพรัตยาภรณ์) ตัวละครที่กำลังป่วยเป็นมะเร็งระยะสุดท้าย และตัวอย่างของภาพยนตร์ความยาวเพียง 2 นาที 40 วินาที ก็ทำให้รู้ได้ในทันทีว่าภาพยนตร์เรื่องนี้กำลังเล่าถึงความสัมพันธ์ในรูปแบบไหน
แม้ภาพยนตร์ที่เล่าเรื่องแฟนเก่าจะเคยมีมาแล้วหลายต่อหลายเรื่อง แต่ก็ต้องยอมรับว่าเรื่องของ ‘แฟนเก่าส์’ ต่อให้เล่าสักกี่ครั้งก็ยังคงเป็นเรื่องที่ทำงานกับความรู้สึก และเป็นความทรงจำที่สุขปนเศร้าของใครหลายคนเสมอ
ในขณะเดียวกันเราก็เชื่อว่า One for the Road วันสุดท้าย..ก่อนบายเธอ จะเล่าเรื่องราวของแฟนเก่าออกมาในรสชาติที่แตกต่าง ด้วยลีลาการเล่าที่เป็นเอกลักษณ์ของบาสและหว่องกาไว ที่จะนำทั้งตัวละครและคนดูออกเดินทางกลับไปค้นหาเศษเสี้ยวความทรงจำที่อาจหลงลืมไปพร้อมๆ กัน
แต่สุดท้ายไม่ว่าจะมีหรือไม่มีแฟนเก่า (หรือมีแล้วไม่อยากนึกถึงก็ตาม) ผู้ชมก็ยังสามารถอิ่มเอมใจไปกับเรื่องราวความรัก มิตรภาพ และความหวังในการมีชีวิตที่ภาพยนตร์เรื่องนี้พยายามสื่อสารได้อยู่ดี
ฝีมือการแสดงและเคมีระหว่างกันที่น่าจับตามอง
เรื่องราวของ One for the Road วันสุดท้าย..ก่อนบายเธอ ดำเนินไปด้วยการเดินทางของสองเพื่อนซี้อย่างบอสและอู๊ดเป็นหลัก ดังนั้นทั้ง ต่อ-ธนภพ ลีรัตนขจร และไอซ์ซึ จึงต้องทำการบ้านอย่างหนัก เพื่อให้ผู้ชมเชื่อว่าพวกเขาคือเพื่อนรักที่รู้จักกันมาเป็นสิบปีจริงๆ แต่หลังจากได้ชมตัวเองอย่างของภาพยนตร์เรื่องนี้จบ ก็ทำให้เราเชื่อได้จริงๆ ว่านี่คือบอสและอู๊ดที่กำลังจะออกเดินทางด้วยกันในช่วงสุดท้ายของชีวิต
แม้แต่ตัวผู้กำกับอย่างบาสเองยังถึงกับออกปากชมว่า ทั้งต่อและไอซ์ซึมีเคมีระหว่างกันอย่างน่าประหลาดใจ เพราะแม้จะเพิ่งร่วมงานกันได้ไม่นาน แต่ทุกครั้งที่กำลังต่อบทหรืออยู่ระหว่างการถ่ายทำ แค่คำพูดไม่กี่ประโยคก็ทำให้เชื่อได้ว่าพวกเขาเป็นเพื่อนรักกันจริงๆ โดยไม่ต้องมีบทสนทนามากมาย
นอกจากเคมีของสองนักแสดงนำแล้ว นักแสดงหลักคนอื่นๆ ที่มารับบทเป็นบรรดาแฟนเก่าในเรื่อง อย่าง วี-วิโอเลต วอเทียร์, ออกแบบ-ชุติมณฑน์ จึงเจริญสุขยิ่ง, พลอย หอวัง และ นุ่น-ศิรพันธ์ วัฒนจินดา ก็ได้พิสูจน์ฝีมือการแสดงมาแล้วหลายต่อหลายเรื่อง และบาสยังการันตีว่าภาพยนตร์เรื่องนี้จะทำให้ได้เห็นมิติใหม่ทางการแสดงของพวกเขาที่แตกต่างไปจากเดิม
เพียงแค่ได้ยินคำพูดไม่กี่ประโยคในเวลา 2 นาที 40 วินาทีของตัวอย่าง ก็ทำให้เราเชื่อได้ทันทีว่า One for the Road วันสุดท้าย..ก่อนบายเธอ จะทำให้เราได้เห็นฝีมือการแสดงที่ทรงพลังและไดอะล็อกที่กระแทกใจผู้ชมอย่างแน่นอน
นักแสดงทุ่มสุดตัวเพื่อ One for the Road เวอร์ชันที่ดีที่สุด
ในภาพยนตร์เรื่องนี้ นอกจากความเข้มข้นของเรื่องราวที่จะถูกถ่ายทอดออกมาแล้ว การรับบทบาทที่แปลกใหม่ไปจากเดิมก็ถือเป็นอีกหนึ่งความท้าทายของเหล่านักแสดงเช่นกัน ต่อและวีที่รับบทเป็นบาร์เทนเดอร์ ต้องไปเรียนรู้การชงค็อกเทลอย่างจริงจังอยู่ร่วมเดือน ในขณะที่ไอซ์ซึเองก็จำเป็นจะต้องเตรียมร่างกายและจิตใจอย่างหนักเพื่อให้เข้าถึงบทบาทของตัวละครอู๊ด ซึ่งเป็นผู้ป่วยมะเร็งระยะสุดท้าย ด้วยการลดน้ำหนักไปกว่า 14 กิโลกรัมในเวลาเพียงแค่ 2 เดือน
นอกจากการทำการบ้านกับคาแรกเตอร์ของตัวละคร การถ่ายทำก็ถือเป็นความท้าทายที่ยิ่งใหญ่ของภาพยนตร์เรื่องนี้ เนื่องจากมีหลายฉากที่ต้องถ่ายทำในสภาพอากาศที่หนาวและมีข้อจำกัดหลายๆ อย่าง ทำให้ทั้งนักแสดงและทีมงานต้องทุ่มสุดตัว
เหตุการณ์หนึ่งที่เรามีโอกาสได้ฟังจากปากนักแสดงในงานแถลงข่าวเมื่อวานนี้ (21 มกราคม) ยิ่งทำให้ภาพยนตร์เรื่องนี้น่าติดตามมากกว่าเดิม โดยที่ต่อและไอซ์ซึได้เล่าถึงการถ่ายทำฉากในสถานีรถไฟใต้ดินของเมืองนิวยอร์กว่า พวกเขาจำเป็นจะต้องสอบข้อเขียนและสอบภาคปฏิบัติเกี่ยวกับความปลอดภัยในสถานีก่อนเริ่มการถ่ายทำ
ต่อยังเสริมถึงความโหดหินว่าเขาต้องท่องจำให้ได้ทั้งหมดว่าภายในสถานีมีจุดพักกี่จุด รางรถไฟตรงไหนที่สามารถเดินได้ หรือรางไหนที่มีไฟฟ้าแรงสูง ไปจนถึงต้องจำตารางเวลารถไฟที่วิ่งเข้า-ออกสถานี เพื่อให้การถ่ายทำเป็นไปอย่างปลอดภัยและรัดกุมมากที่สุด
งานภาพและดนตรีประกอบที่เสริมเรื่องราวให้ทรงพลังมากกว่าเดิม
คลิกฟังเพลง Nobody knows เพลงประกอบภาพยนตร์ ‘One for the Road วันสุดท้าย..ก่อนบายเธอ’ น่าจะยิ่งช่วยเพิ่มอรรถรสขณะอ่านบทความได้ดียิ่งขึ้น:
แค่ตัวอย่างของภาพยนตร์ที่ปล่อยออกมาเมื่อ 2 วันก่อน หลายคนก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่า One for the Road วันสุดท้าย..ก่อนบายเธอ จะเป็นภาพยนตร์ที่มีงานภาพสวยที่สุดเรื่องหนึ่ง เพราะนอกจากสถานที่ต่างๆ ทั้งในประเทศและต่างประเทศที่ถูกคัดสรรมาอย่างดี การเลือกใช้มู้ดแอนด์โทน แสงสีในทุกๆ เฟรม ก็ได้ถูกจัดวางมาอย่างดีจนทำให้ผู้ชมดำดิ่งไปกับภาพที่เห็น
นอกจากงานภาพแล้ว เพลงประกอบภาพยนตร์เรื่องนี้ยังผ่านการคิด วางแผน และทำงานอย่างหนัก จนได้ออกมาเป็น Nobody knows จากฝีมือการทำเพลงของ แสตมป์-อภิวัชร์ เอื้อถาวรสุข ร่วมกับ คริสโตเฟอร์ จู นักร้องนำ Pop Etc วงดนตรีอินดี้ร็อก จากเบิร์กลีย์ แคลิฟอร์เนีย
แสตมป์ได้รับสารตั้งต้นของเพลงนี้มาจากบาสว่า หากเขาสามารถบอกบางอย่างกับเธอคนนั้นของตัวเองได้ บาสคงอยากพูดว่า “ขอบคุณ ขอโทษ ขอให้คุณโชคดี” และหลังจากใช้เวลาทำงานอย่างหนัก แสตมป์ก็สามารถสร้างสรรค์ซาวด์แทร็กที่เต็มไปด้วยความรู้สึกที่หลากหลาย ทั้งเศร้า สุข มีความหวัง ไม่ต่างกับความรู้สึกของบอสและอู๊ดที่กำลังออกเดินทางในช่วงเวลาสุดท้ายของชีวิต
แค่ได้ฟังพร้อมกับชมงานภาพสวยๆ และไดอะล็อกสุดกระแทกใจในตัวอย่างภาพยนตร์ไม่กี่นาทีก็ทำเอาน้ำตาคลอได้ไม่ยาก ถ้าได้ดูภาพยนตร์เรื่องนี้เต็มๆ Nobody knows คงกลายเป็นเพลงที่ใครหลายคนเก็บเข้าเย์พลลิสต์เพลงโปรดแน่นอน
เชื่อว่าตอนนี้ทุกคนคงพร้อมออกเดินทางไปกับทุกความสัมพันธ์ใน One for the Road วันสุดท้าย..ก่อนบายเธอ และใช้เวลาย้อนสำรวจความทรงจำไปพร้อมๆ กับอู๊ดและบอสได้ตั้งแต่วันที่ 10 กุมภาพันธ์นี้
รับชมตัวอย่างได้ที่นี่