วูดเวิร์ด ย้ำเป้าหมายหลัก แมนฯ ยูไนเต็ดคือความสำเร็จในสนาม หลังรายได้เริ่มมีสัญญาณบวกชัดเจน

ในการแถลงที่คาดว่าจะเป็นครั้งสุดท้ายของ เอ็ด วูดเวิร์ด รองประธานสโมสรแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ย้ำเตือนทุกคนถึงเป้าหมายสูงสุดของทีม คือการประสบความสำเร็จในสนามให้ได้

โดยวูดเวิร์ดซึ่งประกาศล่วงหน้าว่าจะอำลาตำแหน่งในปีหน้า หลังจากทำหน้าที่มายาวนานกว่า 9 ปี อันเป็นผลจากการที่แมนฯ ยูไนเต็ดเข้าร่วมกับกลุ่มสโมสรใหญ่ก่อตั้งยูโรเปียนซูเปอร์ลีก และเกิดการประท้วงต่อต้านอย่างรุนแรงจากแฟนบอลเมื่อเดือนเมษายน ได้ออกมาเปิดเผยถึงสถานะทางการเงินของสโมสรล่าสุดในช่วงไตรมาสแรกของฤดูกาลใหม่

สัญญาณบวกคือการที่รายได้ของสโมสรกลับมาเพิ่มขึ้น 16% เป็น 126.5 ล้านปอนด์ในช่วงเวลา 3 เดือนจนถึงวันที่ 30 กันยายน ซึ่งมาจากการที่แฟนบอลสามารถกลับเข้ามาชมเกมในสนามโอลด์แทรฟฟอร์ดได้เต็มพิกัดอีกครั้ง ขณะที่ตัวเลขหนี้สุทธิของสโมสรลดลงเล็กน้อยเหลือ 439.7 ล้านปอนด์ แต่ส่วนหนึ่งมาจากการขาย แดเนียล เจมส์ ให้แก่ลีดส์ ยูไนเต็ด 17.4 ล้านปอนด์ และอีกส่วนมาจากเงินส่วนแบ่งที่ได้จากการย้ายทีมของ โรเมลู ลูกากู จากอินเตอร์ มิลานสู่เชลซี

อย่างไรก็ดี ตัวเลขที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นอย่างมากคือจำนวนค่าเหนื่อยของนักฟุตบอลที่คาดว่าในฤดูกาลนี้จะสูงขึ้นจากเดิมถึง 20% หรือ 65 ล้านปอนด์ โดยในฤดูกาลที่แล้ว แมนฯ ยูไนเต็ดจ่ายค่าเหนื่อยให้นักฟุตบอลรวมถึง 322.6 ล้านปอนด์ โดยตัวเลขที่เพิ่มขึ้นมาจากการคว้าตัว คริสเตียโน โรนัลโด, จาดอน ซานโช และราฟาเอล วาราน เข้ามาร่วมทีม ทำให้ค่าเหนื่อยเพิ่มจากเดิมสัปดาห์ละ 1.3 ล้านปอนด์

ส่วนนี้เองที่ทางด้านวูดเวิร์ดเน้นย้ำกับทุกฝ่ายว่า ที่สุดแล้วเป้าหมายอันดับหนึ่งของแมนฯ ยูไนเต็ดยังคงเป็นการประสบความสำเร็จในสนามให้ได้ “ถึงแม้ในทางการเงินแล้วเราจะได้เห็นว่า สโมสรสามารถที่จะกลับมาได้หลังเจอกับโรคระบาด แต่เป้าหมายสูงสุดของเราคือการประสบความสำเร็จในสนาม

“ผู้จัดการทีม ผู้เล่น และทุกคนที่สโมสรตั้งใจจะบรรลุเป้าหมายนี้ให้ได้” วูดเวิร์ดกล่าวทิ้งท้าย

สำหรับสถานการณ์ของแมนฯ ยูไนเต็ด ในเวลานี้พวกเขาเก็บได้แค่ 4 แต้มจาก 6 นัดล่าสุด โดยเป็นการแพ้ถึง 4 นัด รวมถึงการแพ้ย่อยยับต่อลิเวอร์พูลและแมนฯ ซิตี้ ทำให้ต้องการจะคว้าชัยชนะเหนือวัตฟอร์ดให้ได้ในวันเสาร์นี้ ซึ่งการที่รองประธานสโมสรกล่าวถึงผู้จัดการทีมอย่างสั้นๆ เป็นการส่งสัญญาณว่า โอเล กุนนาร์ โซลชาร์ จะอยู่ในตำแหน่งต่อไปแม้ว่าจะเผชิญกับแรงกดดันมหาศาลก็ตาม

ตามรายงานจาก Manchester Evening News ระบุว่าโซลชาร์อาจจะได้อยู่คุมทีมจนจบฤดูกาลในช่วงที่วูดเวิร์ดอำลาสโมสรไปแล้ว แต่แหล่งข่าวระดับสูงยืนยันว่า หากมีความจำเป็นจริงๆ อาจมีการเปลี่ยนแปลงผู้จัดการทีมคนใหม่ ที่เป็นตัวเลือกในระดับท็อปของวงการ

อ้างอิง: