สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของสหรัฐอเมริกามีมติด้วยคะแนนเสียง 220 ต่อ 211 เสียง ผ่านร่างกฎหมายงบประมาณรายจ่ายชั่วคราว เมื่อคืนวันอังคาร ตามเวลาสหรัฐฯ (22 กันยายน) เพื่อหลีกเลี่ยงการปิดหน่วยงานของรัฐบาลสหรัฐฯ (ชัตดาวน์) ก่อนที่งบประมาณรายจ่ายประจำปีจะหมดอายุลงในวันที่ 30 กันยายนที่จะถึงนี้
โดยร่างกฎหมายดังกล่าวจะช่วยให้หน่วยงานรัฐบาลกลางสหรัฐฯ ให้มีงบประมาณใช้จ่ายไปจนถึงวันที่ 3 ธันวาคม นอกจากนี้ สภาล่างของสหรัฐฯ ยังมีมติให้ขยายเพดานหนี้ของสหรัฐฯไปจนถึงเดือนธันวาคม 2565
ทั้งนี้ ร่างกฎหมายดังกล่าวจะต้องผ่านการรับรองจากวุฒิสภาในลำดับถัดไป อย่างไรก็ดี มิตช์ แมคคอนเนลล์ ผู้นำวุฒิสมาชิกฝ่ายรีพับลิกัน ยืนยันว่าพรรครีพับลิกันจะไม่โหวตสนับสนุนร่างกฎหมายขยายเพดานหนี้ดังกล่าว ทำให้ความเสี่ยงที่หน่วยงานบางส่วนของรัฐบาลสหรัฐฯ จะต้องปิดดำเนินงานเนื่องจากขาดงบประมาณ และรัฐบาลสหรัฐฯ อาจเผชิญกับการผิดนัดชำระหนี้เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ยังมีอยู่
ความกังวลในประเด็นนี้ส่งผลให้ตลาดหุ้นสหรัฐฯ เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมาปรับตัวลดลงรุนแรง โดยดัชนี Dow Jones ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงกว่า 600 จุด ขณะที่ดัชนี S&P 500 และ Nasdaq ปิดร่วงลงคิดเป็นเปอร์เซ็นต์ในวันเดียวที่รุนแรงสุดนับตั้งแต่เดือนพฤษภาคมปีนี้
ชัค ชูเมอร์ ผู้นำวุฒิสมาชิกฝั่งเดโมแครต ได้ออกมาเตือนพรรครีพับลิกันว่า หากการขยายเพดานหนี้ล้มเหลวจะส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ รวมถึงการให้สวัสดิการของรัฐแก่พลเมือง เช่น ประกันสังคม
“นี่เป็นการเล่นกับไฟ การเอาเพดานหนี้มาเป็นเกมการเมืองเป็นการเล่นกับไฟโดยใช้คนอเมริกันเป็นตัวประกัน” ชูเมอร์กล่าว
ขณะนี้ยังไม่มีความชัดเจนว่าฝ่ายเดโมแครตจะดำเนินการอย่างไรต่อไป หากกฎหมายดังกล่าวถูกโหวตคว่ำโดยวุฒิสภา แต่ เจเน็ต เยลเลน รัฐมนตรีคลังของสหรัฐฯ ยืนยันว่ารัฐบาลจะทำทุกวิถีทางเพื่อหลีกเลี่ยงการชัตดาวน์
อ้างอิง:
ช่องทางติดตาม THE STANDARD WEALTH
Twitter: twitter.com/standard_wealth
Instagram: instagram.com/thestandardwealth
Official Line: https://lin.ee/xfPbXUP