แม้จะเคยทำคอลเล็กชัน Collaboration กับแบรนด์ยักษ์ใหญ่ที่มีชื่อเสียงของโลกอย่าง FILA, ASICS และ KFC มาแล้ว แต่สำหรับ ปิ๊น-อนุพงศ์ คุตติกุล ผู้ก่อตั้ง Carnival ร้านสนีกเกอร์ชื่อดังของไทย การได้ Collaboration ร่วมกับ Adidas เป็นความฝันที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเขา ซึ่งวันนี้เป็นจริงแล้ว
“11 ปีแห่งการรอคอย วันนี้เราทำสำเร็จแล้ว” อนุพงศ์โพสต์บน Facebook ส่วนตัว ก่อนขยายความกับ THE STANDARD WEALTH ว่า นับตั้งแต่เมื่อ 2 ปีก่อนที่ Carnival ได้เป็นส่วนหนึ่งกับ Adidas Consortium เครือข่ายร้านสนีกเกอร์ระดับโลกที่จะได้รับไลน์ผลิตระดับ Top Tier ของแบรนด์ Adidas มาวางจำหน่าย ตัวเขาเองก็มีเป้าหมายอยากทำรองเท้าร่วมกับ Adidas ตลอดจน Nike สองแบรนด์สนีกเกอร์ยักษ์ใหญ่ของโลก ซึ่งนี่เป็นความฝันตั้งแต่ก่อตั้งร้าน Carnival เมื่อ 11 ปีก่อนด้วย
แต่ความฝันนี้ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย “เพราะการได้เข้าร่วม Adidas Consortium จากร้านนับพันนับหมื่นทั่วโลก จนมีแค่ร้านราว 80 กว่าแห่งที่ได้เข้าเครือข่ายนี้ ก็ถือเป็นเรื่องที่ยากมากๆ แล้ว” ซึ่งร้านที่จะได้เข้าร่วมไม่ได้หมายความว่าเป็นร้านที่มียอดขายมากที่สุด แต่จะต้องเป็นร้านที่มีเอกลักษณ์ และแบรนด์ดิ้งที่เข้ากันได้กับ Adidas จริงๆ ถึงจะได้รับเลือก
ขณะเดียวกัน “ตลาดสนีกเกอร์ไทยเล็กมากเมื่อเทียบกับประเทศอื่นอย่างอเมริกาหรือยุโรป Adidas จึงไม่มีความจำเป็นที่จะ Collaboration กับแบรนด์ไทยก็ได้ ดังนั้นที่ผ่านมาเราจึงจะเห็นคอลเล็กชันที่ออกมาจากร้านสนีกเกอร์ที่มีชื่อเสียงระดับโลกเป็นหลัก”
ที่สำคัญ “ความยากคือ เราไม่มีวันรู้เลยว่าเราจะได้ Collaboration กับ Adidas เมื่อไร เพราะเรื่องนี้ไม่ได้เปิดให้ยื่นคำขอหรือสมัคร มันต้องถึงเวลาเท่านั้น เขา (Adidas) ถึงจะเลือก” จนเมื่อ 1 ปีก่อน Adidas ได้ติดต่อมาและ อนุพงศ์ก็ไม่รีรอที่จะตกลงในทันที
Carnival กลายเป็นแบรนด์ไทยรายแรกที่ได้ทำ Collaboration ‘รองเท้า’ ร่วมกับ Adidas (นอกเหนือจากการเป็นแบรนด์ไทยรายเดียวที่อยู่ในลิสต์ Adidas Consortium ด้วย) ผ่านโปรเจกต์ Life Needs Equipment ซึ่งเป็นการเฉลิมฉลองครบรอบ 30 ปีของ Adidas EQT (Equipment)
ภายใต้คอลเล็กชันนี้จะมีรองเท้าทั้งหมด 16 แบบ ซึ่งนอกจาก Carnival แล้ว ยังมีร้านสนีกเกอร์ชื่อดังอื่นๆ อีกไม่ว่าจะเป็น Foot Patrol, Politics, Limited EDT, Extra butter, Atmos, Overkill, Commonwealth , Hanon และ Mita Sneakers ซึ่งโปรเจกต์นี้แต่ละร้านจะวางจำหน่ายรองเท้า Collaboration ของตัวเองในวันและเวลาที่ต่างกัน
สำหรับของ Carnival นั้นถูกอธิบายบนเว็บไซต์ lifeneedsequipment.com/carnival ไว้ว่า “ครั้งแรกของการร่วมงานระหว่าง Adidas Consortium และ Carnival จากประเทศไทย กับคอนเซปต์การออกแบบที่อ้างอิงจากคติพจน์ของ Adidas Consortium อย่าง ‘The respect is mutual’ ที่หมายถึง ‘การเคารพซึ่งกันและกัน’ ผ่านการ ‘สวัสดี’ ซึ่งเป็นวิธีการแสดงความเคารพและการทักทายแบบไทยๆ ตัวรองเท้าจะมาในเฉดสีม่วง และลวดลาย Orchid camouflage ที่ได้แรงบันดาลใจจากดอกกล้วยไม้ หนึ่งในดอกไม้ที่เปรียบเหมือนสัญลักษณ์ของประเทศไทย”
อนุพงศ์อธิบายเพิ่มเติมถึงกิมมิกเล็กๆ น้อยๆ เช่น “จะมีคำว่า Carnival เป็นภาษาไทยอยู่บนรองเท้ารุ่นนี้ด้วย” เบื้องต้นรองเท้า Adidas x Carnival จะวางขายในวันที่ 18 กันยายนนี้ วิธีการจำหน่ายต้องดูสถานการณ์การระบาดของโรคโควิดก่อน ซึ่งอาจเป็นไปได้ทั้งการจำหน่ายที่หน้าร้านหรือช่องทางออนไลน์เพียงอย่างเดียว ส่วนจำนวนและราคานั้น อนุพงศ์ระบุว่า “ยังไม่สามารถเปิดเผยได้ในตอนนี้”
สำหรับภาพรวมของตลาดสนีกเกอร์ไทยช่วง 7 เดือนแรกของปี 2564 ค่อนข้างซบเซาจากกำลังซื้อที่น้อยลงซึ่งเป็นผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจ แต่สำหรับ Carnival แล้ว “ยอดขายของเราดีขึ้นประมาณ 10-20% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ซึ่งหลักๆ แล้วยอดขายถูกกระตุ้นด้วยคอลเล็กชันที่เป็นของแบรนด์เราเอง”
นับตั้งแต่ต้นปี Carnival ออกคอลเล็กชันที่เป็นของตัวเองรวมไปถึง Collaboration กับแบรนด์อื่นๆ แล้วกว่า 6-7 คอลเล็กชัน จึงทำให้รองเท้าและเสื้อผ้าที่เป็นของแบรนด์ Carnival เพิ่มสัดส่วนยอดขายจาก 10-20% เป็น 30% ซึ่งยอดขายที่เพิ่มขึ้นได้ทดแทนยอดขายจากแบรนด์อื่นๆ ได้ทั้งหมด แถมยังทำให้ภาพรวมของธุรกิจโตขึ้นด้วย
“สำหรับรองเท้ารุ่นลิมิเต็ดเอดิชัน ต่อให้สถานการณ์เป็นอย่างไร กำลังซื้อก็ยังดีอยู่ เพราะมีจำนวนที่ไม่เยอะมาก ซึ่ง Carnival มีเข้ามาแทบทุกอาทิตย์อยู่แล้ว แต่สำหรับรองเท้ารุ่นทั่วๆ ไปยอมรับว่าได้รับผลกระทบจากการที่ร้านในห้างปิด ทำให้ลูกค้ากลุ่มนี้หายไปเลย”
ช่วงเวลาที่เหลือของปี นอกจาก Adidas x Carnival แล้ว จะมีคอลเล็กชันใหม่ออกมาอีก 4 คอลเล็กชัน ซึ่งจะทยอยออกมาเรื่อยๆ โดยคาดว่าภาพรวมรายได้ในปีนี้ของ Carnival อาจเท่ากับปีที่ผ่านมา ซึ่งทำได้ราว 320 ล้านบาท หรือเติบโตได้เล็กน้อย 5-10% ด้วยกัน
