สำนักงานสถิติแห่งสหภาพยุโรป (EU) เปิดเผยตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ประจำไตรมาสสองปีนี้ พบว่า GDP ในกลุ่มชาติสมาชิก EU สามารถขยายตัวเติบโตได้ถึง 13.2% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว และเติบโต 1.9% เมื่อเทียบกับช่วงไตรมาสก่อนหน้า ขณะที่ใน 19 ชาติที่ใช้เงินสกุลยูโรเป็นเงินสกุลหลักมีการขยายตัวเติบโตได้อย่างแข็งแกร่งที่ 13.7% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว และ 2% เมื่อเทียบกับไตรมาสแรกของปีนี้ มากกว่าที่นักวิเคราะห์ประเมินไว้ว่าจะอยู่ที่ 1.5%
แม้ว่าอัตราการฟื้นตัวจะช้ากว่าสหรัฐฯ อีกทั้ง GDP ที่ขยายตัวเพิ่มขึ้นยังไม่ได้แตะระดับก่อนเกิดวิกฤตโควิดแพร่ระบาดหนัก แต่บรรดานักเศรษฐศาสตร์ส่วนหนึ่งได้ออกมาประเมินก่อนหน้านี้ โดยคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจ EU จะสามารถฟื้นตัวจนบรรลุระดับเดียวก่อนที่จะเกิดการระบาดภายในสิ้นปีนี้
ในส่วนของอัตราเงินเฟ้อ คาดการณ์ว่าจะปรับตัวขึ้นแตะระดับ 2.2% มากกว่าที่ธนาคารกลางยุโรป (ECB) คาดการณ์ไว้ว่าจะอยู่ที่ 2% ซึ่งเงินเฟ้อส่วนหนึ่งที่ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นเป็นผลมาจากราคาอาหารและสินค้าอุปโภคบริโภคทั่วไป รวมถึงน้ำมันที่ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น
อย่างไรก็ตาม Tej Parikh ผู้อำนวยการฝ่ายเศรษฐกิจของฟิทช์ เรตติ้ง กล่าวว่า ภาพรวมเศรษฐกิจของ EU กำลังฟื้นตัวได้อย่างแข็งแกร่ง หลังมีการเร่งกระจายการฉีดวัคซีน ที่ทำให้ธุรกิจกิจการกลับมาคึกคักในช่วงไตรมาส 3 ของปีนี้ เพียงแต่ต้องระวังเรื่องการระบาดของโควิดสายพันธุ์เดลตาต่อไป
อ้างอิง: