สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิสเดินทางถึงเมียนมาแล้ว กลายเป็นสมเด็จพระสันตะปาปาพระองค์แรกที่เยือนประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ท่ามกลางเสียงครหาของทางการเมียนมาต่อการปฏิบัติอันโหดร้ายต่อชาวมุสลิมโรฮีนจา
หลังจากเหตุการณ์ความรุนแรงในรัฐยะไข่เมื่อวันที่ 25 สิงหาคมที่ผ่านมา ชาวโรฮีนจามากกว่า 623,000 คนได้อพยพเข้าสู่บังกลาเทศ
ก่อนหน้านี้โป๊ปฟรานซิสเคยประณามความรุนแรงต่อชาวโรฮีนจา พร้อมเรียกชนกลุ่มน้อยในฐานะ ‘พี่น้องชาวโรฮีนจาของพวกเรา’
ประเด็นที่น่าจับตาในการเยือนเมียนมาครั้งนี้ สื่อหลายสำนักพุ่งความสนใจไปที่การเลือกใช้คำว่า ‘โรฮีนจา’ อันเป็นคำที่รัฐบาลเมียนมาปฏิเสธอย่างรุนแรง และใช้คำว่า ‘ชาวเบงกาลี’ เพื่อเรียกชนกลุ่มน้อยดังกล่าวแทน เช่นเดียวกันตามที่พระคาร์ดินัลจากเมียนมาแนะนำโป๊ปฟรานซิสให้หลีกเลี่ยงคำดังกล่าว ด้วยเกรงว่าอาจกระทบต่อการสนับสนุนความปรองดอง
“อย่างที่โป๊ปฟรานซิสได้กล่าวไว้ก่อนการเดินทาง ท่านจะเผยแพร่สารแห่งสันติภาพ การให้อภัย และความปรองดอง” เกร็ก เบิร์ก (Greg Burke) โฆษกประจำวาติกันเปิดเผยต่อสื่อมวลชน
แอรอน คอนเนลลี (Aaron Connelly) นักวิจัยจาก Lowy Institute มองถึงการเดินทางครั้งนี้ว่า แทบจะมองเป็นเรื่องอื่นไม่ได้นอกเสียไปจากความพยายามในการพูดถึงเรื่องโรฮีนจา
“คำถามก็คือ พระองค์จะตรัสถึงเรื่องดังกล่าวแบบหลีกเลี่ยงการปะทะ หรือจะตรัสประมาณว่านี่มันบ้าคลั่งเกินไปแล้ว คนพวกนี้มีสิทธิ์ที่จะอยู่ในเมียนมา”
โป๊ปฟรานซิสมีกำหนดการภายในเมียนมา 3 วัน โดยจะพบปะที่ปรึกษาแห่งรัฐอย่างนางออง ซาน ซูจี และพลเอกอาวุโสมินอองหล่าย ผู้บัญชาการทหารสูงสุดของกองทัพเมียนมา แล้วจึงเดินทางต่อไปที่ประเทศบังกลาเทศ ซึ่งมีการคาดการณ์ว่าจะรวมถึงการพบปะชาวโรฮีนจาในกรุงธากาด้วย
นับเป็นครั้งแรกในรอบเกือบ 30 ปีที่ผู้นำทางจิตวิญญาณของชาวคาทอลิกเดินทางเยือนบังกลาเทศ หลังสมเด็จพระสันตะปาปาจอห์นปอลที่ 2 เคยเสด็จเยือนมาแล้วเมื่อปี 1986
เมื่อสัปดาห์ก่อน เมียนมาและบังกลาเทศร่วมลงนามข้อตกลงเพื่อส่งตัวชาวโรฮีนจาที่อพยพข้ามพรมแดนกลับ โดยฝ่ายองค์การช่วยเหลือทางมนุษยธรรมต่างๆ แสดงความกังวลถึงการบังคับให้ชนกลุ่มน้อยเดินทางกลับ พร้อมเรียกร้องความปลอดภัยให้แก่ชาวโรฮีนจากลุ่มดังกล่าวด้วย
Photo: AFP
อ้างอิง: