วันนี้ (28 มิถุนายน) นพ.ศุภกิจ ศิริลักษณ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ แถลงการเฝ้าระวังการกลายพันธุ์เชื้อไวรัสที่ก่อโรคโควิด-19 ในประเทศไทยว่า เฉพาะสัปดาห์ที่ผ่านมา ภาพรวมทั้งประเทศมีสายพันธุ์อัลฟา (อังกฤษ) 80.19% สายพันธุ์เดลตา (อินเดีย) 16.59% สายพันธุ์เบตา (แอฟริกาใต้) 3.2% โดยพบว่าพื้นที่กรุงเทพมหานคร (กทม.) 1 ใน 3 เป็นสายพันธุ์เดลตา 32.39% ในขณะที่ระดับภูมิภาคเดลตาขยับเป็น 7% จาก 5% ทำให้คาดว่าอีก 2-3 เดือน สายพันธุ์เดลตาอาจจะมากกว่าสายพันธุ์อัลฟาเดิม
สำหรับข้อมูลรายจังหวัด สายพันธุ์เดลตาสัปดาห์นี้มีเพิ่มที่จังหวัดพะเยา 1 ราย, เพชรบูรณ์ 1 ราย, อุตรดิตถ์ 4 ราย, อุทัยธานี 2 ราย, นครสวรรค์ 11 ราย, พระนครศรีอยุธยา 7 ราย, ชลบุรี 1 ราย, ขอนแก่น 3 ราย, ร้อยเอ็ด 3 ราย, มหาสารคาม 1 ราย, กาฬสินธุ์ 6 ราย, อุดรธานี 23 ราย, สกลนคร 22 ราย, นครพนม 3 ราย, บึงกาฬ 4 ราย, เลย 20 ราย, หนองคาย 2 ราย และหนองบัวลำภู 12 ราย ส่วนใหญ่เดินทางไปจาก กทม.
ที่น่าสังเกตคือ เดลตาเดิมไม่มีในภาคใต้แต่วันนี้พบในภาคใต้ที่นราธิวาส 2 ราย และจากการสอบข้อมูลเป็นคนที่ข้ามมาจากรัฐเคดาห์ ประเทศมาเลเซีย ทำให้เดลตาทั้งหมดในพื้นที่ กทม. เพิ่มมากที่สุด 331 ราย ส่วนใหญ่เป็นแคมป์คนงานที่เป็นคลัสเตอร์ใหญ่จะเจอเดลตา ทั้งสัปดาห์เพิ่มขึ้น 459 รายสะสม 1,120 ราย
ในส่วนของสายพันธุ์เบตา เพิ่มขึ้น 89 ราย สะสม 127 ราย ค่อนข้างเยอะ ในสัปดาห์นี้พบว่า สุราษฎร์ธานี 1 ราย, นราธิวาส 84 ราย, ยะลา 2 ราย, พัทลุง 1 ราย และ กทม. 1 ราย สำหรับ กทม. พบว่าผู้ป่วยเป็นลูกจ้างในตลาดแห่งหนึ่ง ลูกเดินทางมาจากนราธิวาส ขณะที่ระหว่างเดินทางมายังไม่พบอาการอะไร หลังจากกลับจากเยี่ยมพ่อพบว่าติดเชื้อ ส่วนพ่อเมื่อตรวจก็พบว่าติดเชื้อและเป็นสายพันธุ์เบตา ส่วนญาติอีก 2 คน พบว่าติดเชื้อและกำลังตรวจสายพันธุ์ ส่วนเพื่อนร่วมงานในที่ทำงานอีก 6-7 คน ไม่พบเชื้อ เชื่อว่าติดมาจากลูกที่เดินทางมาเยี่ยม เชื่อว่ารายเดียวที่พบจะล็อกอยู่ อาจมีแค่รายเดียวแล้วหายไป
“การที่เราไม่ได้ห้ามการเดินทางภายในประเทศก็อย่าไปแปลกใจที่จะพบเชื้อไปที่อื่น ส่วนเบตาพบว่าฤทธิ์ในการแพร่กระจายไม่ได้สูง ที่เป็นห่วงคือสายพันธุ์อินเดียที่มีฤทธิ์การแพร่ระบาดได้มากกว่า” นพ.ศุภกิจกล่าว
พิสูจน์อักษร: นัฐฐา สอนกลิ่น
