ความเคลื่อนไหวหุ้นไทย (SET) หลังเปิดในช่วงเช้าวันนี้ (5 เมษายน) ปรับตัวลดลงไปต่ำสุดที่ 1,578.96 จุด ติดลบไป 17.31 จุด โดยกลุ่มที่กดดันตลาดหลักๆ ได้แก่ พลังงาน พาณิชย์ ขนส่ง ปิโตรเคมี และธนาคาร
สมชาย กาญจนเพชรรัตน์ กรรมการผู้จัดการอาวุโส ธุรกิจหลักทรัพย์บุคคล บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้อ่อนตัวลงมาหลังจากที่ไม่มีปัจจัยหนุนใหม่ๆ เข้ามา ประกอบกับการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในไทย ที่เริ่มกลับมาเพิ่มขึ้นอีกครั้ง และตลาดหุ้นกำลังจะเข้าสู่ช่วงวันหยุดยาว ทำให้นักลงทุนชะลอการเข้าซื้อ ส่วนนักลงทุนที่มีกำไรอยู่ก็ขายทำกำไรออกมา
“การเข้าสู่ช่วงวันหยุดยาวทำให้ไทยมีความเสี่ยงเรื่องของโควิด-19 เพิ่มขึ้นด้วย จนนักลงทุนที่จะเข้าซื้อตอนนี้ชะลอการซื้อไปก่อน ทำให้ตลาดขาดแรงผลักดัน และอีกมุมหนึ่งก็ถูกขายทำกำไรออกมาด้วย”
อย่างไรก็ดี ในระยะถัดไปตลาดหุ้นยังมีโอกาสปรับขึ้นได้ต่อ ซึ่งการปรับฐานลงมาที่บริเวณ 1,560-1,570 จุด น่าจะเป็นระดับที่เข้าซื้อสะสมได้ โดยเน้นไปที่หุ้นซึ่งโดดเด่นกว่าตลาด (Outperform) ในช่วงที่ผ่านมา
“การปรับฐานในรอบนี้เป็นโอกาสในการเข้าซื้อหุ้นที่ Outperform และมีแนวโน้มว่ากำไรไตรมาส 1/64 จะออกมาดี ส่วนหุ้นที่ยัง Laggard นั้น ส่วนตัวมองว่ายังไม่น่าจะกลับมาโดดเด่นได้ โดยเฉพาะหุ้นที่ถูกกดดันจากสถานการณ์โควิด-19 ในประเทศ”
สอดคล้องกับมุมมองของ ภาดล วรรณรัตน์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) ซึ่งมองว่า แรงกดดันส่วนหนึ่งมาจากสถานการณ์โควิด-19 ในประเทศ ที่เริ่มกลับมาเพิ่มขึ้นอีกครั้ง ซึ่งเราจะเห็นว่าหุ้นกลุ่มท่องเที่ยววันนี้ลดลงค่อนข้างชัดเจน อย่าง AOT -2.15%, MINT -3.10%, CENTEL -3.52% และ ERW -3.86%
“การเข้าสู่ช่วงวันหยุดยาวทำให้นักลงทุนไม่มั่นใจว่าจะสามารถควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 ได้ดีเพียงใด จึงเห็นการชิงจังหวะขายเพื่อถือเงินสดก่อน ประกอบกับที่หลายประเทศเป็นวันหยุดในวันนี้ จึงขาดแรงเข้ารับไปด้วยส่วนหนึ่ง”
ทั้งนี้ การอ่อนตัวรอบนี้น่าจะเป็นการลดพอร์ตเพื่อลดความเสี่ยงเท่านั้น โดยประเมินแนวรับบริเวณ 1,550-1,560 จุด เป็นจุดที่น่าเข้าซื้อในหุ้นกลุ่มที่ผลประกอบการไตรมาส 1/64 จะออกมาดี และได้ประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐฯ เช่น IRPC รวมถึงหุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว เช่น ICHI ซึ่งจะมีการเปิดตัวเครื่องดื่มใหม่ช่วงปลายเดือนเมษายน และเป็นไฮซีซันของกลุ่มเครื่องดื่ม
“การลงทุนช่วงนี้แนะนำว่าไม่ควรใส่เงินลงทุนเต็มจำนวน เพราะภาพตลาดโดยรวมยังค่อนข้างแพง ด้วยค่า Forword P/E ที่สูงถึง 19 เท่า มากกว่าค่าเฉลี่ยที่ผ่านมาถึง +2SD เป็นระดับที่ค่อนข้างตึงตัวแล้ว”