กลุ่ม Fenway Sports Group (FSG) ซึ่งเป็นเจ้าของทีมกีฬาชื่อดังอย่างบอสตันเรดซ็อกซ์และสโมสรฟุตบอลลิเวอร์พูล บรรลุข้อตกลงในการขายหุ้นจำนวน 10% ให้แก่กลุ่มทุนใหม่ที่ชื่อว่า RedBird ในมูลค่า 533 ล้านปอนด์
ช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา FSG มีความพยายามที่จะหาผู้มาร่วมลงทุนเพิ่มเติม เพื่อบรรเทาผลกระทบจากความเสียหายที่เกิดขึ้นจากวิกฤตโควิด-19 ซึ่งเฉพาะลิเวอร์พูลทีมเดียวก็เสียหายมากกว่า 120 ล้านปอนด์แล้ว จากการขาดรายได้ในส่วนต่างๆ ตลอดระยะเวลา 1 ปีที่ผ่านมา
หลังความพยายามในการเจรจาเป็นระยะเวลาหลายเดือน FSG สามารถบรรลุข้อตกลงกับกลุ่ม RedBird ซึ่งเป็นกลุ่มทุนที่ประกอบไปด้วยหลายบุคคล นำโดย เจอร์รี คาร์ดินัล นอกจากนี้ยังมีประธานของทีมเรดซ็อกซ์อย่าง แซม เคนเนดี รวมถึง เลอบรอน เจมส์ ซูเปอร์สตาร์วงการบาสเกตบอล NBA และ มาเวอริค คาร์เตอร์ เพื่อนสนิทที่เป็นหุ้นส่วน รวมถึง พอล วอชเตอร์ พันธมิตรทางธุรกิจที่ยาวนาน ที่จะเข้ามาเป็นเจ้าของส่วนหนึ่งของ FSG ด้วย
การจับมือกับกลุ่ม RedBird ในครั้งนี้ ทางด้าน FSG เชื่อว่าจะช่วยทำให้สถานะทางการเงินเข้มแข็งขึ้น และสามารถสานต่อโครงการต่างๆ ที่มีอยู่ให้สำเร็จลุล่วง เช่น โครงการปรับปรุงอัฒจันทร์ฝั่งแอนฟิลด์โรดของลิเวอร์พูล ที่จะใช้งบประมาณราว 60 ล้านปอนด์ ทั้งยังเป็นการรักษาความสามารถในการแข่งขัน, การรักษาเสถียรภาพทางการเงิน รวมถึงการซื้อผู้เล่นมาเสริมทัพ ซึ่งเป็นสิ่งที่แฟนๆ ต้องการเห็น โดยเฉพาะกับลิเวอร์พูลที่ประสบปัญหาตกต่ำอย่างรวดเร็วหลังได้แชมป์พรีเมียร์ลีกในฤดูกาลที่แล้ว
ทั้งนี้ แม้ตามการคาดการณ์แล้ว เงินลงทุนที่ได้มาจะมีการนำมาใช้สำหรับการปรับปรุงทีม แต่ไม่ได้หมายความว่าจะมีการทุ่มเงินเกินกว่าปกติแต่อย่างใด
พิสูจน์อักษร: ภาวิกา ขันติศรีสกุล
อ้างอิง:
