เกิดอะไรขึ้น:
SCBS ได้จัดทำบทวิเคราะห์แนวโน้มผลประกอบการของ บมจ.อาปิโก ไฮเทค (AH) ภายหลังจากที่บริษัทได้เปิดเผยแนวโน้มธุรกิจเมื่อวันศุกร์ที่ 12 มีนาคม 2564
กระทบอย่างไร:
ในช่วง 1 สัปดาห์ที่ผ่านมา ราคาหุ้น AH ปรับตัวขึ้น 15.23%WoW สู่ระดับ 19.90 บาท เทียบกับ SET Index ที่ปรับตัวขึ้น 0.87%WoW สู่ระดับ 1,564.03 จุด (ข้อมูล ณ วันที่ 16 มีนาคม 2564)
มุมมองระยะสั้น:
SCBS คาดว่า แนวโน้มกำไร 1Q64 ของ AH จะเติบโต YoY แต่ลดลง QoQ โดยมีสาเหตุจากอุตสาหกรรมยานยนต์ที่ชะลอตัว เพราะได้รับผลกระทบจากมาตรการควบคุมโควิด-19 ในประเทศไทยและต่างประเทศ
ขณะที่แนวโน้มกำไร 2Q64 จะเพิ่มขึ้นก้าวกระโดด YoY จากฐานต่ำใน 2Q63 และทรงตัว QoQ จากปัจจัยฤดูกาลในประเทศไทย ซึ่งจะได้รับการชดเชยจากการดำเนินงานในประเทศโปรตุเกส (Aapica Maia, S.A. หรือ AM) ที่ดีขึ้น
สำหรับปัจจัยเสี่ยงที่ต้องติดตามคือ การขาดแคลนชิ้นส่วนเซมิคอนดักเตอร์สำหรับอุตสาหกรรมยานยนต์ หลังจากซัพพลายเออร์โยกย้ายการผลิตไปยังอุตสาหกรรมอื่นๆ ที่แข็งแกร่งกว่าอุตสาหกรรมยานยนต์
มุมมองระยะยาว:
สำหรับทิศทางกำไรปี 2564 ของ AH SCBS คาดว่า จะฟื้นตัวสู่ระดับก่อนโควิด-19 (ปี 2562) โดยได้รับการสนับสนุนจากการฟื้นตัวของธุรกิจในโปรตุเกส (Aapica Maia, S.A. หรือ AM) หลังจากการคลายล็อกดาวน์ใน 2H63 และคาดว่าการผลิตรถยนต์ในยุโรปจะกลับมาเติบโต 15%YoY ในปี 2564 (จากลดลง 22% ในปี 2563)
นอกจากนี้ยังมีปัจจัยที่สนับสนุนการเติบโตของอุตสาหกรรมยานยนต์ในยุโรปคือ การเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดดของยอดขายรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ซึ่งเติบโต 137%YoY ในปี 2563 ดีกว่าตลาดยานยนต์โดยรวมที่ยอดขายลดลง 20%YoY ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากกฎหมายลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ และรัฐบาลสนับสนุนการขยายสถานีชาร์จไฟฟ้าและลดหย่อนภาษีให้กับผู้ซื้อ
ทั้งนี้ คณะกรรมการยุโรปตั้งเป้าหมายว่า ในปี 2573 จะมีรถยนต์ไฟฟ้าบนถนน 30 ล้านคัน หรือคิดเป็นการเติบโต CAGR 25% จาก 3.3 ล้านคัน ในปี 2563
โดย SCBS มองว่า ภาพรวมอุตสาหกรรมรถยนต์ที่เป็นบวกในยุโรปจะส่งผลดีต่อ AM เนื่องจาก AM เป็นผู้ผลิตชิ้นส่วนหล่อขึ้นรูปโลหะในส่วนประกอบที่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัย เบรก ระบบกันสั่นสะเทือน ระบบกำลังส่ง เครื่องยนต์พวงมาลัย ให้กับลูกค้ารายใหญ่อย่าง Continental, Volkswagen, BMW และ Ford
พิสูจน์อักษร: ภาวิกา ขันติศรีสกุล