ดร.ฟรานซิส คอลลินส์ ผู้อำนวยการสถาบันสุขภาพแห่งชาติสหรัฐฯ (NIH) เปิดเผยเมื่อวานนี้ (15 มีนาคม) ว่า คณะกรรมการตรวจสอบอิสระกำลังวิเคราะห์ข้อมูลการทดลองวัคซีนโควิด-19 ของ AstraZeneca ในกลุ่มประชาชน 32,000 คนในสหรัฐฯ เพื่อดูว่าวัคซีนมีความปลอดภัยและมีประสิทธิภาพในการป้องกันไวรัสหรือไม่ ซึ่งหากผลการวิเคราะห์ออกมาดี อาจกรุยทางสู่การอนุมัติใช้งานฉุกเฉินในสหรัฐฯ ภายในเวลาราว 1 เดือนข้างหน้า
ดร.คอลลินส์ ประมาณการว่า องค์การอาหารและยาของสหรัฐฯ (FDA) จะใช้เวลาประมาณ 3 สัปดาห์ในการวิเคราะห์ข้อมูลการทดลองวัคซีน จากนั้นคณะที่ปรึกษาที่ประกอบด้วยผู้เชี่ยวชาญจะประชุมกันเพื่อลงมติว่าควรแนะนำให้ใช้วัคซีนนี้เป็นกรณีฉุกเฉินหรือไม่
“เราคาดว่าข้อมูลการทดลองเฟส 3 จะออกมาในเร็วๆ นี้ และเรามีแผนที่จะยื่นขออนุมัติใช้งานเป็นกรณีฉุกเฉิน (ในประเทศสหรัฐฯ) หลังจากนั้นไม่นาน” มิเชล ไมเซลล์ โฆษก AstraZeneca ระบุในแถลงการณ์
ความเคลื่อนไหวดังกล่าวมีขึ้นในช่วงที่หลายชาติในยุโรปทยอยประกาศระงับการฉีดวัคซีน AstraZeneca ให้แก่ประชาชนจนกว่าจะมีข้อมูลยืนยันความปลอดภัยเพิ่มเติม หลังมีรายงานการเกิดภาวะลิ่มเลือดอุดตันในกลุ่มคนที่ได้รับวัคซีนบางราย โดยล่าสุด เยอรมนี ฝรั่งเศส สเปน และอิตาลี ได้ประกาศระงับใช้วัคซีนดังกล่าวแล้ว ตามหลังเดนมาร์กและนอร์เวย์ที่ประกาศระงับไปก่อนหน้านี้ ถึงแม้องค์การยาแห่งสหภาพยุโรป (EMA) และองค์การอนามัยโลก (WHO) จะออกมายืนยันว่า ยังไม่พบหลักฐานบ่งชี้ถึงความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นในการเกิดภาวะลิ่มเลือดอุดตันก็ตาม
เมื่อถูกถามถึงประเด็นข้อกังวลดังกล่าว คอลลินส์ตอบว่าตัวเขายังไม่เห็นข้อมูล แต่ ‘ค่อนข้างมั่นใจ’ ในแถลงการณ์จากหน่วยงานกำกับดูแลของยุโรปที่ระบุว่า ปัญหาบางอย่างอาจเกิดขึ้นได้ในบางโอกาส และไม่ได้เกี่ยวข้องกับวัคซีน โดยมีความเป็นไปได้ว่าบางคนอาจเกิดปัญหาเลือดแข็งตัวหรือลิ่มเลือดอยู่แล้วในช่วงเวลาเดียวกับที่พวกเขาได้รับวัคซีน
ภาพ: Jens Schlueter / Getty Images
พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์
อ้างอิง:
