ถึงจะยังไร้วี่แววของการให้บริการในประเทศไทยอย่างเป็นทางการ แต่หลังจากผ่านมาแล้วกว่า 16 เดือนเต็ม ล่าสุด Disney ก็ได้ออกมาเปิดเผยแล้วว่า บริการสตรีมมิงคอนเทนต์ ‘Disney Plus’ ของพวกเขามียอดสมาชิกผู้ใช้บริการทะลุหลัก 100 ล้านรายเป็นที่เรียบร้อย โดยถือเป็นหลักไมล์ความสำเร็จที่น่าสนใจเลยทีเดียว แม้จะเพิ่งให้บริการอย่างเต็มรูปแบบเฉพาะในตลาดบางประเทศเท่านั้น
เหล่าผู้บริหารระดับสูงของ Disney ได้เปิดเผยถึงความสำเร็จในครั้งนี้ระหว่างการประชุมผู้ถือหุ้นประจำปีเมื่อวันอังคารที่ 9 มีนาคมที่ผ่านมา ตามเวลาท้องถิ่นสหรัฐอเมริกา แต่ไม่ได้มีการเปิดเผยถึงปัจจัยหลักที่กระตุ้นให้แพลตฟอร์มสตรีมคอนเทนต์บันเทิงของพวกเขามีผู้ใช้งานมากถึงเพียงนี้
ขณะที่สื่ออย่าง The Verge เชื่อว่า หลักๆ แล้วคอนเทนต์ซีรีส์จาก Marvel ทั้ง WandaVision ที่เพิ่งจบลงไป The Falcon and the Winter Soldier ที่มีคิวจะฉายในเร็วๆ นี้ รวมถึงภาพยนตร์แอนิเมชันเรื่องใหม่ล่าสุด Raya and the Last Dragon ล้วนแล้วแต่เป็นปัจจัยสำคัญที่กระตุ้นกระแสความสนใจของผู้คนที่มีต่อการสมัครใช้งาน Disney Plus แทบทั้งสิ้น
บ็อบ ชาเปก ซีอีโอ Disney กล่าวในแถลงการณ์ว่า “ความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ของ Disney Plus ได้กลายเป็นแรงบันดาลใจให้เรามุ่งมั่น ทะเยอทะยานมากยิ่งขึ้น ทั้งยังผลักดันให้เราเพิ่บงบทุนการพัฒนาคอนเทนต์คุณภาพสูงอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว เราตั้งเป้าว่าจะต้องมีคอนเทนต์ใหม่ๆ มากกว่า 100 ชิ้นต่อปีให้ได้ ครอบคลุมตั้งแต่ Disney Animation, Disney Live Action, Marvel, Star Wars และ National Geographic”
ประเด็นที่น่าสนใจคือ ก่อนหน้านี้ผู้บริหารระดับสูงของ Disney เคยตั้งเป้าเอาไว้ว่า Disney Plus น่าจะมียอดผู้สมัครใช้งานที่ 60-90 ล้านรายได้ภายในปี 2024 หรือราว 5 ปี นับตั้งแต่ที่พวกเขาได้เปิดตัวอย่างเป็นทางการ ซึ่งแม้แต่ตัว รีด แฮสติงส์ ผู้ร่วมก่อตั้ง Netflix คู่แข่งของ Disney Plus เองยังเคยคิดไว้ด้วยซ้ำว่า อย่างเก่งปีแรก Disney Plus ก็น่าจะมีผู้ใช้งานที่ 20 ล้านราย
แต่ปรากฏว่า Disney Plus สามารถทำยอดผู้ใช้งานโดยรวมได้ที่ 60 ล้านรายได้ในระยะเวลาไม่ถึง 9 เดือนที่พวกเขาเปิดตัวให้บริการอย่างเป็นทางการครั้งแรกในเดือนพฤศจิกายน 2019 ด้วยซ้ำ เพราะฉะนั้นความสำเร็จในครั้งนี้จึงถือเป็นหมุดหมายที่น่าสนใจสำหรับ Disney ในการบุกตลาดแพลตฟอร์มสตรีมมิงคอนเทนต์
เพราะแม้แต่ Netflix ก็ต้องใช้เวลามากถึง 10 ปีในการเพิ่มยอดสมาชิกผู้ใช้งานสู่ระดับ 100 ล้านราย นับตั้งแต่เปิดตัวบริการสตรีมมิงคอนเทนต์ของตัวเองเป็นครั้งแรกเมื่อปี 2007 ในรูปแบบวิดีโอออนดีมานด์ โดยที่ในช่วงมกราคม 2021 ที่ประกาศผลการดำเนินงานในช่วงปี 2020 Netflix มีผู้ใช้งานรวมกว่า 203.7 ล้านรายแล้ว
ปัจจัยหลักๆ ที่ทำให้ Disney Plus เติบโตอย่างโดดเด่นนั้น ผู้เขียนมองว่ามาจาก 3 ปัจจัยสำคัญ นั่นก็คือ
- Disney Plus เกิดขึ้นมาในช่วงที่ ‘คนมีความคุ้นเคย’ กับแพลตฟอร์มสตรีมมิงคอนเทนต์อยู่แล้ว
- การได้รับอานิสงส์บวกจากการระบาดของโควิด-19 ที่ทำให้มียอดสมาชิกผู้ใช้งานหันมาทดลองใช้บริการกันอย่างคึกคัก
- Disney Plus มีในสิ่งที่ Netflix ‘พยายามที่จะมี’ นั่นคือความหลากหลายของคอนเทนต์และเนื้อหาที่ครอบคลุมความสนใจกลุ่มผู้ใช้งานครอบครัว และโดยเฉพาะเด็กๆ (ย้อนกลับไปในปีที่แล้ว รีด แฮสติงส์ เคยให้สัมภาษณ์ไว้ว่า “เราต้องการจะเป็นแบรนด์ที่ดีกว่า Disney ให้ได้ในแง่ความบันเทิงสำหรับครอบครัว นั่นคือเป้าหมายแบบสุดโต่งของเรา”)
สำหรับเป้าหมายต่อจากนี้ Disney Plus ตั้งเป้าไว้ว่าพวกเขาจะต้องมียอดผู้ใช้บริการในทุกๆ แพลตฟอร์มสตรีมมิงรวมกันที่ 300-350 ล้านรายให้ได้ ครอบคลุมตั้งแต่ Disney Plus, Hulu, ESPN Plus, Star Plus, HotStar ภายในปี 2024 โดยนอกเหนือจากการประกาศข่าวดีในครั้งนี้ บ็อบ ไอเกอร์ ประธานกรรมการบริหารบริษัทยังได้ประกาศกร้าวไว้อีกด้วยว่า ภายในสิ้นปีนี้เขาจะตัดสินใจลาออกจากตำแหน่ง
อ้างอิง:
- https://www.theverge.com/2021/3/9/22320332/disney-plus-100-million-subscribers-marvel-star-wars-wandavision
- https://www.bloomberg.com/news/articles/2021-03-09/disney-tops-100-million-users-after-unprecedented-growth-run?utm_medium=social&cmpid=socialflow-twitter-business&utm_campaign=socialflow-organic&utm_content=business&utm_source=twitter
- https://wdwnt.com/2021/03/disney-executive-chairman-bob-iger-confirms-he-will-leave-the-walt-disney-company-on-december-31-2021/
