×

คุยกับ ‘กรณ์ ณรงค์เดช’ ในฐานะซีอีโอคนล่าสุดของ ‘ไรมอน แลนด์’ ภายในห้องสุดหรูของ ‘ดิ เอสเทลล์ พร้อมพงษ์’ ซูเปอร์ลักชัวรีคอนโดมิเนียมใจกลางเมือง [Advertorial]

โดย THE STANDARD TEAM
18.02.2021
  • LOADING...
กรณ์ ณรงค์เดช

HIGHLIGHTS

6 mins. read
  • กรณ์ ณรงค์เดช รับตำแหน่งซีอีโอบริษัท ไรมอน แลนด์ จำกัด (มหาชน) เมื่อต้นปี 2564 
  • ภารกิจแรกคือการรีแบรนด์ไรมอน แลนด์ ผู้นำการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ระดับลักชัวรีของประเทศไทย โดยที่ยังคงจุดแข็งคือความลักชัวรีในภาพลักษณ์ที่สดกว่า ใหม่กว่า 
  • ชูโครงการเด่นแห่งปี ‘ดิ เอสเทลล์ พร้อมพงษ์’ (The Estelle Phrom Phong) ซูเปอร์ลักชัวรีคอนโดมิเนียมเหนือระดับที่คว้ารางวัล Best Luxury Condominium Bangkok 2020, People’s Choice Award for Project of the Year 2020 และ Best Luxury Condominium Southeast Asia Awards 2020 ในงาน DOT Property Thailand Awards 2020 ครั้งที่ 4 

หากพิมพ์ชื่อของ ‘กรณ์ ณรงค์เดช’ ในกูเกิล เกินครึ่งน่าจะเป็นเรื่องชีวิตส่วนตัว ไม่ว่าจะในฐานะหวานใจของ ศรีริต้า เจนเซ่น หรือว่าที่คุณพ่อป้ายแดง แต่นั่นเป็นเพียงด้านหนึ่งที่สื่อนำเสนอ เพราะหากพลิกอีกมุมเขาคือนักบริหารที่คร่ำหวอดอยู่ในวงการอสังหาริมทรัพย์มากว่า 20 ปี อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของโครงการคอนโดมิเนียมมากมาย เช่น คาโดแกน สุขุมวิท 39, เดอะ ดิโพลแมท 39, เดอะ ดิโพลแมท สาทร, เดอะ แคปปิตอล เอกมัย-ทองหล่อ เป็นต้น และที่หลายคนน่าจะคุ้นกันดีคือเคยดำรงตำแหน่งประธานเจ้าหน้าบริหารฝ่ายการตลาดกลุ่มเคพีเอ็น และรองประธานกรรมการ บริษัท เคพีเอ็น แลนด์ จำกัด (KPNL)  

 

กรณ์ ณรงค์เดช


หลังจากที่บริษัท เคพีเอ็น แลนด์ จำกัด (KPNL) เข้ามาร่วมทุนกับบริษัท ไรมอนแลนด์ จำกัด (มหาชน) ได้ไม่นาน กรณ์ ณรงค์เดช ก็เข้ามารับตำแหน่งซีอีโอ (Chief Executive Officer) ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไรมอน แลนด์ จำกัด (มหาชน) พร้อมควบตำแหน่งประธานคณะกรรมการบริหาร ประธานคณะกรรมการบริหารความเสี่ยงองค์กร และคณะกรรมการสรรหาและพิจารณาค่าตอบแทน

 

กรณ์ ณรงค์เดช


กรณ์เล่าว่าก่อนที่จะขึ้นมารับตำแหน่งซีอีโอ ได้ชิมลางในตำแหน่งซีโอโอ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายปฏิบัติการ โดยจะเข้ามาดูแลบริหารและพัฒนาโครงการทั้งในด้านการปฏิบัติการ การออกแบบดีไซน์  การควบคุมและพัฒนาคุณภาพด้านงานก่อสร้าง การบริหารจัดการอาคารชุด รวมไปถึงงานด้านกฎหมายมาระยะหนึ่ง เมื่อก้าวขึ้นมารับตำแหน่งใหม่ความรับผิดชอบที่มากขึ้นและสิ่งที่อยากทำมากมาย หนึ่งในนั้นคือการรีแบรนด์ โดยที่ยังคงจุดแข็งของแบรนด์ลักชัวรี แต่ขยายกลุ่มลูกค้าให้เข้าถึงได้ทุกเจเนอเรชัน

 

“เนื่องจากไรมอน แลนด์ เป็นบริษัทที่มีประวัติศาสตร์ยาวนาน ก่อตั้งมาตั้งแต่ปี 2530 เจาะกลุ่มตลาดอสังหาริมทรัพย์ระดับลักชัวรี ก่อนหน้านี้ก็ทำการบ้านกันเยอะเพื่อหาว่าตอนนี้แบรนด์เราอยู่ในเซกเมนต์ไหนกันแน่ สิ่งที่ได้คือกลุ่มผู้ใหญ่รู้จักแบรนด์อย่างดี แต่ในวัยกลางคนลงไปไรมอน แลนด์ ยังไม่เป็นที่รู้จักมากนัก แน่นอนว่ากลุ่มลูกค้าเดิมต้องรักษาไว้ ในขณะเดียวกันกลุ่มตลาดคนรุ่นใหม่เดี๋ยวนี้ก็มีศักยภาพสูงมาก สร้างรายได้ให้ตัวเองตั้งแต่อายุ 20 ต้นๆ ภาพของความลักชัวรีในยุคนี้ไม่จำเป็นต้องเข้าถึงยาก นั่นเป็นเหตุผลที่ผมอยากทำให้แบรนด์ยังคงลักชัวรี ในขณะเดียวกันก็เข้าถึงทุกเจเนอเรชัน ดูทันสมัยขึ้น Fresh, Young และ Energetic ในเวลาเดียวกัน เรื่องของแบรนดิ้งเราวางแผนเปิดตัว (Launch) ภายในองค์กรในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ หลังจากนั้นก็ทยอยเปลี่ยนโลโก้อื่นๆ ซึ่งจะได้เห็นโลโก้ใหม่และ CI ใหม่แน่นอน”

 

การรีแบรนด์และสร้างภาพลักษณ์ที่สดใหม่โดยที่ยังคงแกนที่แข็งแกร่งของอสังหาริมทรัพย์ระดับลักชัวรีถือว่าท้าทายแล้ว การทำงานท่ามกลางสถานการณ์ที่ไม่ปกติ และอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์ก็เป็นหนึ่งในเซกเตอร์ที่ได้รับผลกระทบ สำหรับกรณ์กลับมองเห็นโอกาสในวิกฤตครั้งนี้

 

“มันทำให้ผมได้ใช้เวลาโฟกัสในเรื่อง Core Business มากขึ้นว่าจริงๆ แล้วจุดแข็งของไรมอน แลนด์ คืออะไร ซึ่งคำตอบมันก็ชัดเจนและเป็นแกนที่แข็งแกร่งเสมอคือลักชัวรีเซกเตอร์ ดังนั้นอะไรที่มันก้ำกึ่งๆ จะลักชัวรีก็ไม่สุด จะพยายามตัดไลน์พวกนั้นออกไป ผมเชื่อว่าเวลาที่เราถนัดอะไรก็ควรโฟกัสอยู่กับสิ่งนั้น พอเราทำด้วยใจรัก เราจะทำมันได้ดี โอกาสประสบความสำเร็จก็มากขึ้น”

 

กรณ์ ณรงค์เดช

 

อย่างที่เกริ่นไปข้างต้นในแวดวงอสังหาริมทรัพย์ กรณ์ ณรงค์เดช ไม่ใช่หน้าใหม่ และผลงานส่วนใหญ่ก็ล้วนประสบความสำเร็จ แม้จะเจอบททดสอบมาเยอะ แต่เขาก็เชื่อว่าธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ยังมีเรื่องใหม่ๆ รอท้าทายเขาอยู่เสมอ

 

“วงการนี้ไม่เคยหยุดนิ่ง มันมีอะไรใหม่ๆ ท้าทายตลอด เทคโนโลยีหรือนวัตกรรมก็เปลี่ยนตลอด หรือวัสดุเดี๋ยวนี้ก็มีทางเลือกมากขึ้น แม้แต่ไลฟ์สไตล์ของผู้อยู่อาศัยก็เปลี่ยนไป ตอนผมทำโครงการแรกๆ เมื่อ 20 กว่าปีที่แล้ว ถ้าพูดถึงห้อง 220 ตารางเมตรมันคือ Type 2 ห้องนอน แต่ปัจจุบันห้อง 220 ตารางเมตรคือห้องเพนต์เฮาส์

 

“วิถีชีวิตคนก็เปลี่ยนไป ยิ่งช่วงโควิด-19 ยิ่งเห็นชัด เวลาใช้ชีวิตอยู่ในคอนโดจะพยายามสัมผัสสิ่งต่างๆ ให้น้อยลง ฉะนั้นโครงการใหม่ๆ เราก็ปรับให้เป็นไพรเวทลิฟต์ หรือนำระบบ Touchless เข้ามาให้มากขึ้น ลดการสัมผัสตั้งแต่เดินเข้ามาในคอนโดจนถึงห้องพัก”  

 

การปรับตัวให้ไวเพื่อตั้งรับความท้าทายใหม่ๆ ในตัวเขาอาจเป็นเพียงหนึ่งในกุญแจสำคัญที่ทำให้โครงการที่ผ่านมาประสบความสำเร็จ เพราะเมื่อลงลึกไปถึงเคล็ดลับความสำเร็จที่แท้จริง กรณ์บอกว่า “โลเคชัน ดีไซน์ ฟังก์ชัน และ Local Expertise ต่างหากคือสิ่งที่ทำให้โครงการแตกต่างและประสบความสำเร็จ

 

“โลเคชันเป็นอะไรที่สำคัญมาก ไม่ว่าเศรษฐกิจจะเป็นอย่างไร สิ่งหนึ่งที่ไม่เคยมีผลกระทบคือราคาที่ดินที่อยู่ในโลเคชันที่ดี เพราะที่ดินไม่ใช่สิ่งที่จะผลิตใหม่ได้ ซึ่งเป็นข้อได้เปรียบและเป็นจุดขายของไรมอน แลนด์ เช่นกัน ทุกโครงการของเรา โลเคชันต้องดีที่สุด อยู่ใจกลางเมือง เดินทางสะดวก ใกล้รถไฟฟ้า

 

“สิ่งต่อมาคือ Local Expertise ผมเชื่อเรื่องความรู้ของคนพื้นที่ ทุกเซกเตอร์ในธุรกิจอื่นจะมีบริษัทข้ามชาติที่ประสบความสำเร็จมากมาย แต่อุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์น้อยมากที่จะเห็นบริษัทข้ามชาติประสบความสำเร็จ สุดท้ายแล้วคนไทยเข้าใจคนไทยดีที่สุด ไลฟ์สไตล์คนไทยก็ไม่เหมือนต่างชาติ อะไรที่ประสบความสำเร็จในประเทศนั้นๆ อาจไม่เวิร์กในบ้านเราก็ได้ เราต้องเข้าใจลูกค้า เข้าใจว่าผู้อยู่อาศัยคนไทยต้องการอะไร

 

“สุดท้ายคือเรื่องของดีไซน์และฟังก์ชัน ต้องยอมรับว่าปัจจุบันราคาขายต่อตารางเมตรค่อนข้างสูง พื้นที่ห้องในคอนโดจำกัดขึ้น แต่ด้วยพื้นที่ที่จำกัด ของต่างๆ เราไม่ได้น้อยลงนะ ดังนั้นฟังก์ชันที่เก็บของหรือดีไซน์ที่อยู่อาศัยได้จริงจึงสำคัญ บางครั้งเราเห็นห้องตัวอย่างสวย แต่พออยู่จริงแล้วมันไม่เวิร์ก ดังนั้นนอกจากความสวย ฟังก์ชันต้องได้ด้วย

 

“จริงๆ เรื่องของแบรนด์ก็สำคัญ เพราะเวลาซื้ออสังหาริมทรัพย์ซึ่งเป็นของชิ้นใหญ่ แบรนด์ต้องสร้างความเชื่อมั่นให้กับลูกค้า บางคนซื้อเพื่อลงทุน เพื่อขายต่อ ถ้าแบรนด์แข็งแรงก็ยิ่งสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุน”

 

 

และหากคุณกำลังมองหาอสังหาริมทรัพย์ที่สร้างโดยแบรนด์คุณภาพ โลเคชันดี ใจกลางเมือง ติดรถไฟฟ้า และรายล้อมไปด้วย Lifestyle Hub ระดับเวิลด์คลาส ดิ เอสเทลล์ พร้อมพงษ์ (The Estelle Phrom Phong) ซูเปอร์ลักชัวรีคอนโดมิเนียมเหนือระดับของไรมอน แลนด์ น่าจะเป็นคำตอบที่ลงตัวที่สุดไม่ว่าจะซื้อเพื่ออยู่อาศัยหรือซื้อเพื่อลงทุนในอนาคต

 

การันตีด้วยรางวัล Best Luxury Condominium Bangkok 2020, People’s Choice Award for Project of the Year 2020 และ Best Luxury Condominium Southeast Asia Awards 2020 ในงาน DOT Property Thailand Awards 2020 ครั้งที่ 4 ซึ่งเป็นงานมอบรางวัลให้กับบริษัทอสังหาริมทรัพย์ที่ดีที่สุดในประเทศไทย

 

“จุดเด่นของดิ เอสเทลล์ พร้อมพงษ์ คือเรื่องของความยืดหยุ่น (Flexibility) ที่สามารถเลือกวัสดุภายในห้องได้เอง ถ้าชอบโทนสีสว่างเลือกแบบ Urban Retreat หรือชอบความสุขุมก็เป็น Millennium Chic ก็ได้เช่นกัน นอกจากนั้นยัง Customize ห้องได้ ห้องชุด Exclusive แบบ 2 ห้องนอน จะปรับเป็นพื้นที่สำหรับทำงานหรือทำเป็นครัวไทยตามไลฟ์สไตล์ของผู้อยู่อาศัยก็ได้”


อาจเป็นเพราะความหลงใหลในเรื่องอินทีเรียดีไซน์เป็นทุนเดิม ประกอบกับแรงบันดาลใจที่ได้จากการเดินทาง จึงถูกนำมาตั้งเป็นโจทย์หลักในการออกแบบโครงการที่ผ่านมา หรือแม้แต่โครงการ ดิ เอสเทลล์ พร้อมพงษ์ รวมไปถึงโครงการในอนาคตของไรมอน แลนด์ จะต้องเป็นที่อยู่อาศัยที่อิงจากการใช้ชีวิตจริง  

 

กรณ์ ณรงค์เดช

 

“ในบริษัทเราตั้งโจทย์คือถ้าเราอยู่เองเราอยากได้อะไร อย่างดิ เอสเทลล์ พร้อมพงษ์ จะเห็นว่าตู้รองเท้าใหญ่มาก เพราะไม่มีใครมีรองเท้าแค่คู่สองคู่แน่นอน  สิ่งต่อมาคือเครื่องดูดฝุ่น กระเป๋าเดินทาง คงไม่มีใครอยากวางไว้มุมห้อง จึงออกแบบช่องเก็บให้ชัดเจน ครัวไทยก็แยกเป็นสัดส่วน เพื่อไม่ให้กลิ่นอาหารติดตามโซฟาหรือผ้าม่าน ตู้เก็บอุปกรณ์ครัวก็ต้องมากพอ แม้แต่ตู้เสื้อผ้า เคาน์เตอร์ในห้องน้ำ ก็อิงจากการใช้ชีวิตจริง พื้นที่ต้องกว้าง ชั้นต้องเยอะ”

 

ยังมีจุดเด่นอื่นๆ อีกมากมายที่ทำให้ ดิ เอสเทลล์ พร้อมพงษ์ กลายเป็นอสังหาริมทรัพย์เนื้อหอมท่ามกลางคู่แข่งในทำเลเดียวกัน อาทิ Ultimate Lifestyle Facility และ Premium Service ไม่ว่าจะเป็น Concierge Services 24 ชั่วโมง, สระแช่น้ำลอยตัว (Salt-water Floatation Pool) ที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากทะเลเดดซี, ห้องประชุมและจัดเลี้ยง, พื้นที่จอดรถที่ออกแบบมาพิเศษสำหรับซูเปอร์คาร์ และจุด EV Charger พร้อมพื้นที่จอดรถภายในอาคารกว่า 120% ถือว่าเยอะมากสำหรับที่อยู่อาศัยใจกลางเมือง

 

“ห้องรับรองแขก (Private Guest Rooms) ก็น่าจะเป็นอีกหนึ่งบริการที่ยังไม่มีที่ไหนทำ ลูกบ้านสามารถเปิดห้องแบบรายคืนกับนิติบุคคล ในกรณีที่มีเพื่อนหรือญาติมาเยี่ยม แต่ไม่สะดวกให้นอนห้องเดียวกับเรา ก็สามารถเปิดห้องได้ในตึกนี้เลย”

 

และอย่างที่รู้ ดิ เอสเทลล์ พร้อมพงษ์ เป็นโครงการที่เกิดจากการร่วมทุนระหว่างไรมอน แลนด์ และ Tokyo Tatemono บริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำจากประเทศญี่ปุ่น จึงได้เห็นบรรยากาศและกลิ่นอายของ Modern Japanese ตั้งแต่การออกแบบอาคารโดยบริษัทระดับเวิลด์คลาส ‘SCDA’ เพิ่มลูกเล่นให้กับอาคารด้วยการใช้เส้นแนวตั้ง เลือกใช้โทนสีที่ดูเรียบหรู เพดานห้องสูง 3.15 เมตร พร้อมกระจกแบบ Full Height Insulated Glaze ที่เปิดชมวิวได้ไร้ขีดจำกัดและรับแสงธรรมชาติได้อย่างดี หรือสวนหย่อมสไตล์ Japanese Garden ด้านหน้าโครงการ 

 

กรณ์ ณรงค์เดช

 

“การร่วมทุนครั้งนี้ทำให้เราได้เงินทุนมาช่วยพัฒนาโครงการเพื่อให้ผลประโยชน์สูงสุดกับลูกค้า และด้วยความที่ Tokyo Tatemono เป็นบริษัทยักษ์ใหญ่ ย่อมมาพร้อมองค์ความรู้ที่เป็นประโยชน์ต่อธุรกิจของเรา ทั้งเรื่องเทคโนโลยีการก่อสร้างล้ำสมัย หรือคำแนะนำที่ช่วยพัฒนาการทำงานให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น และเมื่อร่วมทุนกับญี่ปุ่น เราจึงนำคอนเซปต์ Modern Japanese มาสร้างประสบการณ์ให้กับลูกบ้าน เช่น Private Onsen หรือสวนหย่อมสไตล์ Japanese Garden ด้านหน้าโครงการ”  

 

กรณ์ ณรงค์เดช

 

หากดูจากยอดจองโครงการ ดิ เอสเทลล์ พร้อมพงษ์ ปลายเดือนมกราคม 2564 มียอดเกินกว่า 60% ถือว่าเดินเกมได้สวย ทว่าวิสัยทัศน์ของผู้บริหารรุ่นใหม่ยังเฝ้ารอความท้าทายใหม่ๆ ที่จะเกิดขึ้นหลังจากนี้ โดยเฉพาะรูปแบบของที่อยู่อาศัยและไลฟ์สไตล์ที่เปลี่ยนไปหลังวิกฤตโควิด-19

 

“สถานการณ์โควิด-19 ทำให้คนหันกลับมาให้ความสำคัญกับบ้านมากขึ้น ส่งผลให้ฟังก์ชันภายในบ้านสำคัญมาก คนที่อาศัยอยู่คอนโดก็จะให้ความสำคัญกับส่วนกลาง โครงการใหม่ๆ ของไรมอน แลนด์ ไม่ว่าจะเป็นที่อยู่อาศัยหรือตึกออฟฟิศจะออกแบบเพื่อลดการสัมผัสให้น้อยที่สุด เพราะยิ่งเราย้อนดูอดีตจะพบว่าโรคระบาดต่างๆ เกิดจากเชื้อโรคแทบทั้งนั้น เชื่อว่าทิศทางของอสังหาริมทรัพย์หรือไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตต่อจากนี้ เรื่องความสะอาดคือสิ่งสำคัญที่สุด และเป็นโจทย์ให้กับงานดีไซน์และฟังก์ชันภายในที่พักอาศัยอย่างแน่นอน”

 

พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์

  • LOADING...

READ MORE





Latest Stories

Close Advertising
X