วันนี้ (3 กุมภาพันธ์) อายุตม์ สินธพพันธุ์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยถึงกรณีข่าวการพักการลงโทษกรณีมีเหตุพิเศษของ สรยุทธ สุทัศนะจินดา อดีตผู้ประกาศข่าวชื่อดัง ที่กำลังเป็นที่กล่าวถึงอยู่ในขณะนี้ว่าเป็นการได้รับสิทธิพิเศษหรือไม่นั้นว่า การพักการลงโทษกรณีมีเหตุพิเศษ โดยเฉพาะโครงการพักการลงโทษนักโทษเด็ดขาดที่มีโทษระยะสั้น เป็นโครงการสำหรับนักโทษเด็ดขาดชั้นกลางขึ้นไปที่ได้รับโทษมาแล้วไม่น้อยกว่า 1ใน 3 ของกำหนดโทษ และเหลือโทษที่ต้องได้รับต่อไปอีกไม่เกิน 5 ปี โดยถือว่าเป็นประโยชน์ของผู้ต้องขังตามที่กำหนดไว้ในมาตรา 52 แห่งพระราชบัญญัติราชทัณฑ์ พ.ศ. 2560
ปัจจุบันสรยุทธเป็นนักโทษเด็ดขาดชั้นเยี่ยม ถูกคุมขังอยู่ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร มีกำหนดโทษตามคำพิพากษา 6 ปี 24 เดือน ต่อมาได้รับพระราชทานอภัยโทษตามพระราชกฤษฎีกาพระราชทานอภัยโทษ พ.ศ. 2563 ทั้ง 2 รอบ คงเหลือโทษจำคุกครั้งหลังสุด 3 ปี 6 เดือน 20 วัน เมื่อหักวันต้องโทษจำคุกมาแล้ว จึงเหลือโทษจำคุกต่อไปอีก 2 ปี 4 เดือน 14 วัน
ด้วยเหตุนี้สรยุทธจึงถือเป็นนักโทษที่รับโทษจำคุกมาแล้วระยะหนึ่ง และจะมีคุณสมบัติครบตามหลักเกณฑ์การพักการลงโทษกรณีมีเหตุพิเศษในวันที่ 13 มีนาคม 2564 ซึ่งเมื่อได้รับการพักการลงโทษปล่อยตัว จะต้องติดอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ติดตามตัว (Electronic Monitoring: EM) และต้องประพฤติปฏิบัติตนตามเงื่อนไขที่กำหนดอย่างครบถ้วน ตลอดจนรายงานตัวต่อพนักงานคุมประพฤติทุกเดือนจนกว่าจะพ้นโทษ
อายุตม์กล่าวเพิ่มเติมว่า การดำเนินการพิจารณาพักการลงโทษกรณีมีเหตุพิเศษดังกล่าว นอกจากการพิจารณาจากคุณสมบัตินักโทษที่เข้าเกณฑ์แล้ว นักโทษทุกรายยังจะต้องถูกพิจารณาโดยคณะอนุกรรมการเพื่อพิจารณาวินิจฉัยการพักการลงโทษ อันประกอบด้วย รองปลัดกระทรวงยุติธรรม เป็นประธานคณะอนุกรรมการ และผู้แทนจากหน่วยงานต่างๆ เป็นคณะอนุกรรมการ เพื่อพิจารณารายชื่อผู้ต้องราชทัณฑ์จากเรือนจำและทัณฑสถานทั่วประเทศ โดยหากผ่านความเห็นชอบของคณะอนุกรรมการแล้ว จะต้องได้รับการอนุมัติจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมอีกชั้นหนึ่ง จึงจะถือว่าได้รับการพักการลงโทษ
นอกจากกรณีของสรยุทธ ยังมีนักโทษเด็ดขาดที่ได้รับความเห็นชอบพักการลงโทษกรณีมีเหตุพิเศษ ทั้งกรณีนักโทษเด็ดขาดที่มีโทษระยะสั้น และกรณีมีเหตุพิเศษเนื่องจากเจ็บป่วยร้ายแรง พิการ หรืออายุ 70 ปีขึ้นไป ที่ถูกนำรายชื่อเข้าประชุมคณะอนุกรรมการในครั้งนี้รวม 944 ราย
พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า