นายกรัฐมนตรีโยชิฮิเดะ ซูงะ ของญี่ปุ่น ประกาศขยายภาวะฉุกเฉินเพิ่มในอีก 7 จังหวัดของประเทศ พร้อมห้ามชาวต่างชาติทุกประเทศเดินทางเข้าญี่ปุ่น เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19
เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ญี่ปุ่นบังคับใช้ภาวะฉุกเฉินในกรุงโตเกียว และอีก 3 จังหวัดใกล้เคียง ประกอบด้วย จังหวัดชิบะ ไซตามะ และคานางาวะ โดยจะมีผลไปจนถึงวันที่ 7 กุมภาพันธ์นี้
สำหรับอีก 7 จังหวัดที่รัฐบาลประกาศภาวะฉุกเฉินเพิ่มเติม คือ จังหวัดโอซากา เกียวโต เฮียวโงะ ไอจิ กิฟุ โทชิกิ และฟุกุโอกะ รวมเป็นการประกาศภาวะฉุกเฉิน 11 จังหวัด ครอบคลุมพื้นที่เกือบทั้งหมดบนเกาะฮอนชู ซึ่งเป็นแผ่นดินใหญ่ของญี่ปุ่น
รัฐบาลตัดสินใจประกาศภาวะฉุกเฉิน หลังจำนวนผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตจากโควิด-19 เพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่อง เมื่อวันอังคาร (12 มกราคม) มีผู้ติดเชื้อรายใหม่ถึง 4,527 คน และเสียชีวิตวันเดียวถึง 51 คน ส่งผลให้ยอดผู้ป่วยสะสมสูงเกือบ 3 แสนคน และเสียชีวิต 4,158 คน
ไม่เพียงเท่านั้น ปัจจุบันโรงพยาบาลทั่วญี่ปุ่นกำลังประสบปัญหาการรองรับผู้ป่วย ที่ตอนนี้รักษาตัวในโรงพยาบาลมากถึง 61,500 คน โดยทางการชี้ว่า การพุ่งสูงของผู้ติดเชื้อเป็นผลจากญี่ปุ่นเข้าสู่ฤดูหนาว และมีอุณหภูมิระดับเยือกแข็งในบางพื้นที่
ภายใต้ภาวะฉุกเฉิน รัฐบาลร้องขอให้บริษัทต่างๆ แนะนำให้พนักงานทำงานจากบ้าน และลดปริมาณประชากรในสำนักงานให้เหลือ 70% ขณะที่ประชาชนในพื้นที่เสี่ยงควรหลีกเลี่ยงการออกจากบ้านที่ไม่จำเป็น ส่วนร้านอาหารนั้น ต้องระงับการจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์หลัง 19.00 น. และปิดก่อนเวลา 20.00 น.
สำหรับมาตรการห้ามชาวต่างชาติเข้าประเทศ นายกรัฐมนตรีซูงะไม่ได้ระบุว่าจะเริ่มมีผลตั้งแต่วันไหน แต่เขาได้ร้องขอความร่วมมือจากประชาชนตั้งแต่วันนี้ (14 มกราคม) เป็นต้นไป
ซูงะ แถลงการณ์ต่อประชาชนว่า “ผมหวังว่าประชาชนจะเข้าใจว่านี่เป็นมาตรการที่จำเป็น เพื่อช่วยให้สถานการณ์ดีขึ้น รัฐบาลจะทำทุกวิถีทางที่จำเป็น ผมขออภัยต่อข้อจำกัดต่างๆ ที่จะนำมาซึ่งความไม่สะดวกที่เกิดขึ้นกับทุกท่าน แต่เราจำเป็นต้องก้าวข้ามวิกฤตนี้ให้ได้”
แม้มาตรการของญี่ปุ่นเพื่อยับยั้งโควิด-19 จะเข้มงวดขึ้น แต่ญี่ปุ่นไม่ได้ประกาศล็อกดาวน์ และบังคับใช้การรักษาระยะห่างทางสังคมเหมือนในหลายประเทศ เหตุเพราะญี่ปุ่นขาดอำนาจนิติบัญญัติที่จำเป็นเพื่อบังคับให้ประชาชนปฏิบัติตาม
เคนจิ ชิบูยะ ผู้อำนวยการสถาบันสาธารณสุขประชากร มหาวิทยาลัยคิงส์คอลเลจลอนดอน ชี้ว่า “มาตรการรับมือของญี่ปุ่นค่อนข้างช้าและสับสน สะท้อนถึงการขาดความเป็นผู้นำและยุทธศาสตร์ที่ชัดเจน”
อีกเหตุผลที่ญี่ปุ่นไม่กล้าประกาศล็อกดาวน์เต็มตัว อาจเป็นเพราะยังมีความหวังจะเป็นเจ้าภาพจัดมหกรรมกีฬาโอลิมปิกต่อไป จากเดิมที่สถานการณ์โควิด-19 ทำให้ต้องเลื่อนจากฤดูร้อนปีที่แล้ว มาเป็นวันที่ 23 กรกฎาคม ถึง 8 สิงหาคมนี้
ผลสำรวจความคิดเห็นประชาชนที่จัดโดยสถานีโทรทัศน์ NHK พบว่า ชาวญี่ปุ่น 77% มองว่า ควรเลื่อนการจัดโอลิมปิกออกไปอีก หรือยกเลิกการจัดงานไปเลย โดยมีเพียง 16% เท่านั้นที่อยากให้จัดต่อในปีนี้
ภาพ: Philip FONG / AFP
พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์
อ้างอิง:
