×

‘ปีศาจแดง’ กับความหวังในการขึ้นจ่าฝูงพรีเมียร์ลีกอีกครั้ง แต่ยังมีสิ่งที่สำคัญกว่า

12.01.2021
  • LOADING...
ปีศาจแดง

เป็นเรื่องที่ยากจะเชื่อว่าสโมสรอย่างแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่เคยกวาดแชมป์เป็นว่าเล่น กลับห่างหายจากการชูโทรฟีพรีเมียร์ลีกมานานกว่า 8 ปี หลังการพิชิตแชมป์ในฤดูกาลสุดท้ายของ เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน

 

ฤดูกาลนั้นจบลงด้วยการฉลองแชมป์ลีกสูงสุดสมัยที่ 20 ของพวกเขา และเป็นการอำลาของผู้จัดการทีมที่ยิ่งใหญ่ที่สุดตลอดกาลของวงการฟุตบอลอังกฤษ ที่ไม่มีใครสามารถก้าวเข้ามาทดแทนหรือพาทีมกลับขึ้นไปอยู่ ณ จุดเดิมได้อีกเลย

 

ไม่ว่าจะเป็น The Chosen One อย่าง เดวิด มอยส์, ปรมาจารย์ลูกหนังชาวดัตช์ หลุยส์ ฟาน ฮาล หรือ The Special One อย่าง โชเซ มูรินโญ ต่างล้มเหลวกันถ้วนหน้า

 

แต่ในเกมตกค้างจากต้นฤดูกาลคืนนี้ ซึ่งพวกเขาจะไปเยือนเทิร์ฟ มัวร์ รังเหย้าของเบิร์นลีย์ และสามารถมีคะแนนติดมือกลับบ้านมาได้แม้เพียงแค่ 1 คะแนน แมนฯ ยูไนเต็ด จะแซงหน้าลิเวอร์พูลขึ้นไปนำจ่าฝูงเดี่ยวทันที หลังเคยขึ้นนำจ่าฝูงครั้งสุดท้ายเมื่อเดือนกันยายน ปี 2017 ก่อนที่จะเปิดศึกแดงเดือดที่แอนฟิลด์ในช่วงสุดสัปดาห์นี้

 

สถานการณ์นี้เป็นสถานการณ์ที่ยากจะเชื่อเช่นกันเมื่อคิดถึงผลงานในช่วงต้นฤดูกาลที่ผ่านมา ซึ่งทีมของ โอเล กุนนาร์ โซลชาร์ เริ่มต้นได้อย่างกระท่อนกระแท่น ผลงานย่ำแย่จนมีเสียงเรียกร้องให้มีการเปลี่ยนแปลงตำแหน่งนายใหญ่ของทีม เพื่อไม่ให้เสียเวลาและโอกาสกันไปมากกว่านี้

 

แต่หลังความพ่ายแพ้ต่ออาร์เซนอลคาโอลด์แทรฟฟอร์ดเมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายนที่ผ่านมา 10 นัด หลังจากนั้นแมนฯ ยูไนเต็ด เก็บชัยชนะได้ถึง 8 จาก 10 นัดด้วยกัน หรือคิดเป็นคะแนนแล้วได้ทั้งหมด 26 จาก 30 คะแนน

 

จากที่เคยจมอยู่ในอันดับที่ 15 มาสู่การเป็นทีมอันดับ 2 เป็นรองแชมป์เก่าแค่ผลต่างประตูได้เสีย และมีเกมในมืออีก 1 นัด

 

เป็นการพลิกผันของโชคชะตาที่เกิดขึ้นจากความพยายามของตัวเอง

 

ส่วนสำคัญในการทำให้แมนฯ ยูไนเต็ด เกิดความเปลี่ยนแปลง มาจากฟอร์มการเล่นที่ยอดเยี่ยมของ ‘เสาหลัก’ ประจำทีมอย่าง บรูโน แฟร์นันด์ส ซึ่งแม้จะย้ายมาร่วมทีมได้ไม่ถึง 1 ปี แต่เป็นผู้ที่พลิกโฉมหน้าของปีศาจแดงไปอย่างสิ้นเชิง

 

เพราะมีบรูโน แมนฯ ยูไนเต็ด จึงสามารถทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม โดยเฉพาะในลีก หลายครั้งที่พลิกเกมได้ด้วยตัวเอง หรือมีส่วนในการทำให้ทีมไม่เพียงแต่รอดพ้นความปราชัยในบางนัด ยังนำชัยชนะกลับมาได้ด้วยในอีกหลายนัด

 

แต่ที่สำคัญไม่น้อยไปกว่ากันคือ การที่นักเตะหลายๆ คนในทีมเริ่มเรียกฟอร์มเก่งตามมาได้ด้วย โดยนอกจาก มาร์คัส แรชฟอร์ด ยังมี อองโตนี มาร์กซิยาล, พอล ป็อกบา, ลุค ชอว์, แฮร์รี แม็กไกวร์, เฟร็ด, สกอตต์ แม็คโทมิเนย์ ที่ค่อยๆ ทำผลงานได้ดีขึ้นตามลำดับ

 

อย่างไรก็ดี สำหรับนายใหญ่อย่างโซลชาร์ สิ่งที่เขากังวลมากที่สุดคือ การที่หากทีมสามารถแซงขึ้นนำจ่าฝูงได้แล้ว ลูกทีมจะสูญเสียความมุ่งมั่นไปเพียงเพราะรู้สึกว่าทำเป้าหมายสำเร็จแล้ว

 

ความจริงนั้นไม่ใช่ การได้จ่าฝูงนั้นเป็นแค่การเริ่มต้นของการต่อสู้ที่ยาวนาน หนักหนา และสาหัส

 

“เราต้องการแต้มจากเบิร์นลีย์อยู่แล้วก่อนที่จะมีใครบอกว่าเราได้เป็นจ่าฝูง แต่มันเป็นอันดับที่เราทำมาได้ด้วยตัวเอง” โซลชาร์กล่าว 

 

“ผมอยากจะให้ทีมมีสมาธิกับเกม และแทนที่จะคิดถึงอันดับของทีมก่อนในตารางเมื่อถึงวันพรุ่งนี้ ก็ควรจะคิดถึงอันดับของทีมเมื่อจบฤดูกาลในเดือนพฤษภาคม ซึ่งตรงนั้นต่างหากที่สำคัญ

 

“ถ้าถึงจุดหนึ่งแล้วคิดว่าเราทำได้แล้ว แล้วเริ่มผ่อนคลาย ตรงนั้นเองที่เราจะโดนเล่นกลับ ดังนั้นเราจึงมีสมาธิมาก ในทีมเรามีผู้นำอยู่หลายคน ห้องแต่งตัวในทีมเริ่มมีชีวิตชีวา มีคนเสียงดังมากขึ้น

 

“ไม่มีใครจดจำตารางในเดือนมกราคม มันจะตัดสินกันในตอนถึงเดือนมีนาคมหรือเมษายน”

 

ก่อนจะลงสนามเกมนี้ แมนฯ ยูไนเต็ด ที่กำลังอยู่ในช่วงมั่นใจถึงขีดสุด ได้ถูกเตือนสติไปรอบหนึ่งด้วยการตกรอบรองชนะเลิศเป็นครั้งที่ 4 ติดต่อกันภายใต้การนำของโซลชาร์ หลังพ่ายต่อคู่ปรับร่วมเมืองอย่างแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ซึ่งเอาชนะพวกเขาได้ในรายการเดิมเหมือนปีกลาย

 

ว่าระหว่างสองทีมระยะห่างมันยังมีอยู่ และอย่าได้ทะนงตัวไปกับผลงานแค่ช่วงนี้

 

เพียงแต่หากชิงจ่าฝูงมาได้สำเร็จในคืนนี้ ก็จะเป็นการคืนความมั่นใจให้กับทีมได้อย่างมหาศาล

 

เพราะสำหรับทีมอย่างแมนฯ​ ยูไนเต็ด รายการที่ดีต่อใจอย่างแท้จริงคือรายการใหญ่อย่างพรีเมียร์ลีก หรือยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก และไม่มีอะไรจะดีไปกว่าการได้ยืนอยู่เหนือลิเวอร์พูล คู่แค้นตลอดกาลที่ได้ ‘ข่ม’ พวกเขามากพอสมควรในช่วง 2-3 ปีหลัง

 

ได้จ่าฝูงเกมนี้ แล้วไปยัดเยียดความปราชัยให้ลิเวอร์พูลที่ไม่เคยแพ้ใครในแอนฟิลด์มาเกือบ 4 ปี ทิ้งห่าง 6 คะแนน คือภาพในความฝันที่สวยหรูที่สุด

 

แต่ขั้นต่ำที่สุด คืนนี้ต้องมีแต้มกลับจากเทิร์ฟ มัวร์ ให้ได้

 

นั่นคือสิ่งที่นักเตะยูไนเต็ดทุกคนต้องการ ส่วนขั้นตอนของการก้าวไปสู่การเป็นทีมลุ้นแชมป์อย่างเต็มตัวเป็นสิ่งที่เอาไว้ว่ากันภายหลังได้

 

 

พิสูจน์อักษร: ภาวิกา ขันติศรีสกุล

อ้างอิง:

FYI
  • เกมนี้ เอดินสัน คาวานี กองหน้าชาวอุรุกวัย จะพ้นโทษแบนกลับมาหลังจากที่โดนลงโทษห้ามลงสนาม 3 นัด จากคดีโพสต์ภาพที่มีข้อความในเชิงเหยียดสีผิว
  • แฮร์รี แม็กไกวร์ มีความเสี่ยงจะโดนลงโทษแบน 1 นัด จากการสะสมใบเหลืองครบโควตา ซึ่งทำให้เกมนี้เขาอาจจะถูกพักเพื่อเก็บตัวไว้เจอกับลิเวอร์พูลในสุดสัปดาห์นี้ ส่วน ลุค ชอว์ กับ วิคตอร์ ลินเดอเลิฟ ที่บาดเจ็บ คาดว่าจะหายกลับมาได้ในเกมนี้
  • โอเดียน อิกาโล กองหน้าชาวไนจีเรีย เตรียมบอกลาทีมรัก หลังใกล้หมดสัญญายืมตัวกับเซี่ยงไฮ้ เสิ่นหัว
  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising
X