ปี 2563 ถือเป็นปีที่สินทรัพย์ดิจิทัลได้รับความสนใจจากนักลงทุนค่อนข้างมาก โดยเฉพาะบิตคอยน์ ซึ่งราคาปรับขึ้นร้อนแรงแซงหน้าสินทรัพย์การลงทุนในทุกประเภท
ถ้าดูราคาบิตคอยน์ตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบัน (29 ธันวาคม) ให้ผลตอบแทนรวมแล้วกว่า 287% หรือปรับขึ้นมาจากราวๆ 7,200 ดอลลาร์ต่อบิตคอยน์ มาอยู่ที่ราวๆ 27,900 ดอลลาร์ต่อบิตคอยน์ โดยมีระดับสูงสุดของปีนี้ที่ 28,354 ดอลลาร์ เมื่อวันที่ 28 ธันวาคมที่ผ่านมา
คำถามคือ แล้วปี 2564 ตลาดสินทรัพย์การลงทุนในรูปของสินทรัพย์ดิจิทัล โดยเฉพาะบิตคอยน์ จะยังสามารถให้ผลตอบแทนที่ดีต่อเนื่องหรือไม่
ปรมินทร์ อินโสม ผู้ก่อตั้งและกรรมการ สตางค์ คอร์ป ผู้ให้บริการธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลกล่าวว่า ในปี 2564 บิตคอยน์น่าจะเปลี่ยนสถานะจากสินทรัพย์เก็งกำไรมาเป็นสินทรัพย์คลังสำรอง (Reserve Asset) ของสถาบันและนักลงทุนรายใหญ่ ทำให้แนวโน้มบิตคอยน์มีโอกาสขึ้นไปแตะระดับ 5 หมื่นดอลลาร์ได้
“ตลาดคริปโตเคอร์เรนซีน่าจะยังคึกคักต่อเนื่องในปี 2564 จากการซื้อขายของนักลงทุนสถาบันและนักลงทุนรายย่อย ในขณะที่เศรษฐกิจภาพรวมยังได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ดังนั้นความต้องการขายเพื่อ Cash Out นำเงินสดมาดำรงชีวิตประจำวัน รวมทั้งการรักษาธุรกิจยังคงมีอยู่ ขณะที่บริษัทใหญ่ๆ ทั้งหลายต้องหาทางกระจายความเสี่ยงสภาพคล่องมาลงทุน โดยใช้บิตคอยน์เป็น Reserve Asset จึงทำให้มีการซื้อล็อตใหญ่ๆ เป็นรอบๆ”
ส่วนคำแนะนำสำหรับผู้ลงทุนรายย่อย ปรมินทร์เชื่อว่าราคาบิตคอยน์จะเคลื่อนไหวในระดับ 20,000-26,000 ดอลลาร์สหรัฐ ไปจนถึงต้นเดือนมกราคม 2564 หลังจากนั้นมีโอกาสปรับฐานลงมา และหลังเดือนเมษายนก็อาจจะปรับตัวขึ้นอีกรอบ ดังนั้นช่วงนี้ต้องระวังไม่ถือยาว แต่เมื่อสถานการณ์โควิด-19 เริ่มดีขึ้น ก็จะเล่นตามเทรนด์ของตลาด
อย่างไรก็ตาม ต้องบริหารความเสี่ยงและการลงทุนให้ดี เนื่องจากธรรมชาติของคริปโตเคอร์เรนซีเป็นสินทรัพย์เสี่ยงที่มีความผันผวนสูง
ส่วนการเคลื่อนไหวของบิตคอยน์ในรอบเกือบ 1 ปีที่ผ่านมา ที่วิกฤตจากโรคโควิด-19 ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ การลงทุนของโลก แต่มูลค่าตลาดรวม (Market Cap) ของบิตคอยน์กลับพุ่งขึ้นไปถึง 5 แสนล้านดอลลาร์ โตขึ้นกว่า 277% จากเมื่อต้นปีที่ 1.35 แสนล้านดอลลาร์ เติบโตแซงหน้ายักษ์ใหญ่เจ้าเดิมในระบบเพย์เมนต์ เช่น Visa และ Mastercard และสถาบันการเงินอย่าง JPMorgan Chase ธนาคารอันดับ 1 ของโลก
ปรมินทร์กล่าวว่า ปัจจัยหนุนที่ทำให้บิตคอยน์ปรับขึ้นร้อนแรง และทำสถิติสูงสุดใหม่ในช่วงที่ผ่านมา เป็นผลจากการที่นักลงทุนสถาบันและบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ในตลาดหลักทรัพย์ต่างกระจายความเสี่ยงด้านสภาพคล่อง นำเงินมาลงทุนในบิตคอยน์เพื่อเป็นสินทรัพย์ Reserve Asset เพราะสินทรัพย์อื่น เช่น น้ำมัน ทองคำ หรือหุ้นต่างๆ ให้ผลตอบแทนไม่ดีเท่ากับบิตคอยน์ ที่โดยเฉลี่ยจะให้ผลตอบแทน 6.5% ต่อเดือน
พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์