ผู้ให้บริการแพลตฟอร์มดิจิทัลระดับโลกจากสหรัฐอเมริกาอย่าง Facebook, Google และ Twitter ฯลฯ อาจถูกบีบให้ออกจากการให้บริการในสาธารณรัฐอิสลามปากีสถาน หลังจากที่ปากีสถานได้ผ่านกฎหมายการให้อำนาจหน่วยงานด้านโทรคมนาคมในประเทศสามารถเซนเซอร์หรือปิดกั้นเนื้อหาที่ไม่เหมาะสมบนแพลตฟอร์มดิจิทัลต่างๆ ได้
เว็บไซต์อย่าง TechCrunch ได้ออกมาเปิดเผยข่าวกรณีดังกล่าว หลังจากที่ช่วงต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา อิมราน ข่าน นายกรัฐมนตรี ได้ให้อำนาจหน่วยงานด้านโทรคมนาคมในประเทศในการลบและปิดกั้นการเข้าถึงเนื้อหาต่างๆ ที่ปรากฏและถูกโพสต์บนแพลตฟอร์มดิจิทัล ซึ่งเข้าข่ายการกล่าวโทษ โจมตี หรือสร้างความขุ่นเคืองในหมู่ประชาชนที่มีต่อรัฐบาล
หรือในอีกนัยหนึ่งคือจะครอบคลุมเนื้อหาหรือการแสดงความเห็นใดๆ ก็ตามที่เป็นการละเมิดความปลอดภัยและความมั่นคงของปากีสถานนั่นเอง
ทั้งนี้มีรายงานว่านอกเหนือจาก Facebook, Google และ Twitter แล้ว แพลตฟอร์มดิจิทัลอื่นๆ อย่าง Apple, Amazon, LinkedIn, SAP, Expedia Group, Yahoo, Airbnb, Grab, Rakuten, Booking.com, LINE และ Cloudflare ก็ได้รับคำเตือนจากสมาพันธ์อินเทอร์เน็ตแห่งเอเชีย (Asia Internet Coalition: AIC) ถึงผลกระทบที่จะเกิดขึ้นจากการผ่านกฎหมายฉบับใหม่ โดยรัฐบาลปากีสถานที่พุ่งเป้ามาที่กลุ่มบริษัทอินเทอร์เน็ตโดยตรงเช่นกัน
นอกจากนี้ทาง AIC ยังได้ออกแถลงการณ์โจมตีการผ่านร่างกฎหมายฉบับดังกล่าวโดยปากีสถานอีกด้วย โดยชี้ว่าการกระทำดังกล่าวเข้าข่ายการละเมิดสิทธิเสรีภาพของประชาชนในการแสดงความคิดเห็นต่างๆ “ข้อกำหนดที่เกี่ยวข้องกับการควบคุมข้อมูลที่เข้มงวดจะส่งผลต่อประชาชนในปากีสถานในด้านความสามารถในการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตอย่างเสรีและไม่มีค่าใช้จ่าย และปิดกั้นแพลตฟอร์มดิจิทัลของประเทศในการเชื่อมต่อจากเศรษฐกิจดิจิทัลโลก
“ทั้งยังเป็นเรื่องที่น่ากลัวในการได้เห็นหน่วยงานโทรคมนาคมของประเทศขยายกรอบอำนาจของตัวเองออกไปอย่างไม่หยุดยั้ง โดยเฉพาะการที่พวกเขาสามารถควบคุมบริษัทโซเชียลมีเดียทั้งหลายในการละเมิดสิทธิเสรีภาพของผู้คน โดยเฉพาะการปิดกั้นความเป็นส่วนตัวและเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น ซึ่งเป็นสิ่งปกติที่ผู้คนทั่วโลกสามารถทำกันได้”
อีกประเด็นที่สำคัญนอกเหนือจากสิทธิเสรีภาพของประชาชนในการแสดงออกซึ่งความเห็นที่ทาง AIC ชี้ให้เห็นคือ กฎหมายที่ผ่านออกมาในครั้งนี้จะทำให้ปากีสถานทรานส์ฟอร์มประเทศสู่ยุคดิจิทัลได้ยากขึ้น เช่นเดียวกับศักยภาพความสามารถในการดึงดูดเม็ดเงินลงทุนจากบริษัทเทคโนโลยีต่างชาติ ซึ่งก็จะลดลงอย่างมีนัยสำคัญเช่นกัน
พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์
อ้างอิง:
