วันนี้ (27 ตุลาคม) สุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน อภิปรายถึงการฟื้นฟูเศรษฐกิจ ว่าตลอดระยะเวลาที่ค่อยๆ ผ่อนคลายมาตรการควบคุมโควิด-19 ตั้งแต่เดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา จนคนไทยมีชีวิตที่เกือบจะปกติ ดัชนีชี้วัดทางเศรษฐกิจปรับตัวดีขึ้นทุกตัว แต่เริ่มมีดัชนีความมั่นใจผู้บริโภคเริ่มลดลงจากการเห็นต่างทางการเมือง แต่ดัชนีชี้วัดทุกตัวยังอยู่ในเกณฑ์ที่ดีทั้งการส่งออก ความเชื่อมั่นของนักลงทุน
ขณะที่เสถียรภาพทางการเงินของไทยนั้น กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ได้ประกาศให้ไทยเป็นประเทศเดียวที่ได้รับการปรับอัตราการฟื้นฟูได้ดีกว่าประเทศอื่นๆ นี่คือสิ่งที่อยากให้พวกเราภาคภูมิใจ เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นเกิดจากความร่วมมือร่วมใจของคนไทยทุกคน พร้อมยืนยันไทยไม่ใช่ประเทศที่แย่ที่สุดในอาเซียน
สุพัฒนพงษ์กล่าวต่อไปว่า ในช่วงเยียวยามีการพักชำระหนี้ 12.5 ล้านราย เป็นจำนวนเงิน 6.8 ล้านล้านบาท สิ่งที่เราเป็นห่วงและติดตามคือกลัวว่าการพักหนี้จะครบกำหนดเดือนตุลาคมนี้ แต่ข้อมูลล่าสุดปรากฏชัดเจนจากธนาคารแห่งประเทศไทย พบว่าในกลุ่มลูกหนี้ที่เป็นผู้ประกอบการขนาดเล็กที่เราห่วงว่าจะล้มละลายอยู่รอดไม่ได้ พบว่า 94% กลับมาใช้ชีวิตปกติ และมีการแก้ไขปัญหาให้ดำเนินธุรกิจต่อไปได้ มีเพียง 6% เท่านั้นที่ยังหาตัวไม่เจอ หรือรอการมาแก้ไขปัญหา ซึ่งสถาบันการเงินต่างๆ ได้พยายามติดต่อโดยไม่ทอดทิ้ง
“เรามาถึงตรงนี้กันแล้วนะครับ เราเป็นประเทศที่มีความคืบหน้าในการฟื้นฟู แก้ไขพัฒนา รวมทั้งป้องกันการระบาดของโควิด-19 ได้เป็นอย่างดี เราจะค่อยๆ ทยอยเปิดประเทศฟื้นฟูเศรษฐกิจไทย แต่น่าเสียดายเรามีความเห็นต่างจากน้องๆ เยาวชน ดัชนีบางตัวเริ่มส่งสัญญาณอ่อนตัวลง แต่ไม่เป็นไร ภารกิจยังไม่จบสิ้น จำเป็นต้องเดินหน้าต่อ รัฐบาลพยายามเต็มที่พร้อมจะอดทนพร้อมกับผู้ใหญ่ทุกภาคส่วนเพื่อแก้ไขปัญหานี้ให้ผ่านพ้นไปให้ได้ นี่คือสิ่งที่เราจะพยายามทำอย่างเต็มที่ด้วยความอดทน รอให้น้องๆ เข้าใจ และหันมาเป็นผู้ร่วมกันพัฒนาประเทศร่วมกันต่อไป” สุพัฒนพงษ์กล่าว
พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์
