ทำความรู้จักหุ้นใหม่ บมจ.ดีเฮ้าส์พัฒนา หรือ DHOUSE ซึ่งจะเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ mai วันแรกในวันที่ 26 ตุลาคม 2563
บมจ.ดีเฮ้าส์พัฒนา (DHOUSE) ดำเนินธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ประเภทที่อยู่อาศัยเพื่อขาย ประกอบด้วย บ้านเดี่ยว บ้านแฝด ทาวน์โฮม โฮมออฟฟิศ และอาคารพาณิชย์ ปัจจุบันมีโครงการในพื้นที่จังหวัดมหาสารคามเป็นหลักและมีเป้าหมายที่จะขยายเข้าสู่พื้นที่จังหวัดอื่นในภาคตะวันออกเฉียงเหนือในอนาคต
ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2563 บริษัทมีโครงการที่ขายหมดและปิดไปแล้วจำนวน 1 โครงการ มีโครงการที่อยู่ในระหว่างดำเนินการจำนวน 4 โครงการ และโครงการในอนาคตจำนวน 2 โครงการ
ใน การเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ mai บริษัทเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนแก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวน 217.20 ล้านหุ้น คิดเป็น 25.86% ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งหมดของบริษัทภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุน
โดยแบ่งสัดส่วนการจัดสรรหุ้น IPO ให้แก่ กรรมการ ผู้บริหาร และ/หรือพนักงานของบริษัท จำนวน 21.72 ล้านหุ้น คิดเป็น 10% ของจำนวนหุ้น IPO จัดสรรให้กับผู้มีอุปการคุณของบริษัท จำนวน 32.58 ล้านหุ้น หรือ 15% และจัดสรรให้กับบุคคลตามดุลพินิจของผู้จัดจำหน่ายหลักทรัพย์หรือผู้ลงทุนสถาบัน จำนวน 162.90 ล้านหุ้น หรือ 75%
ทั้งนี้ สัดส่วนหุ้นของผู้มีส่วนร่วมในการบริหารที่ไม่ติด Silent Period มีจำนวน 113.006 ล้านหุ้น คิดเป็น 13.45% ของจำนวนหุ้นที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งหมดของบริษัทภายหลังการเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนในครั้งนี้
บริษัทกำหนดราคาเสนอขายหุ้น IPO ที่ 0.60 บาทต่อหุ้น คิดเป็นมูลค่าระดมทุน 130.32 ล้านบาท มูลค่าที่ตราไว้ต่อหุ้น (par) 0.50 บาท โดยในการกำหนดราคาหุ้น IPO พิจารณาจากอัตราส่วนราคาหุ้นต่อกำไรสุทธิต่อหุ้น (Price to Earnings Ratio: P/E) ทั้งนี้ราคาเสนอขายหุ้นสามัญของบริษัทในครั้งนี้ที่ราคา 0.60 บาทต่อหุ้น คิดเป็นอัตราส่วนราคาต่อกำไรสุทธิต่อหุ้น (Price to Earnings Ratio: P/E) เท่ากับ 19.87 เท่า โดยคำนวณกำไรสุทธิต่อหุ้นจากผลกำไรสุทธิในช่วง 4 ไตรมาสย้อนหลัง
ทั้งนี้ หากเทียบ P/E Ratio กับบริษัทที่ดำเนินธุรกิจคล้ายกันคือ บมจ.วิลล่า คุณาลัย (KUN) มี P/E Ratio อยู่ที่ 10.12 เท่า และ บมจ.บ้านร็อคการ์เด้น (BROCK) P/E Ratio 90.0 เท่า
เงินที่ได้จากการระดมทุนครั้งนี้จำนวน 130.32 ล้านบาท บริษัทจะใช้สำหรับลงทุนในการพัฒนาโครงการตามแผนธุรกิจและแผนการตลาดในโครงการพฤกษ์ภิรมย์ โครงการ U Park และโครงการแกรนด์ บิซ จำนวน 60 ล้านบาท โดยจะใช้ระหว่างปี 2563-2564 สำหรับชำระคืนเงินกู้สถาบันการเงิน จำนวน 20 ล้านบาท โดยจะชำระในปี 2563 และสำหรับเป็นเงินทุนหมุนเวียนในกิจการ จำนวน 35.41 ล้านบาท ใช้ระหว่างปี 2563-2564
บริษัทได้กำหนดนโยบายจ่ายเงินปันผลในแต่ละปีในอัตราไม่น้อยกว่า 40% ของกำไรสุทธิ หลังจากหักเงินสำรองต่างๆ ทุกประเภทตามที่ได้กำหนดไว้ในข้อบังคับบริษัทและกฎหมาย หากไม่มีเหตุจำเป็นอื่นใด และการจ่ายเงินปันผลนั้นไม่มีผลกระทบต่อการดำเนินงานปกติของบริษัทอย่างมีนัยสำคัญ
ทั้งนี้บริษัทไม่มีประวัติการจ่ายเงินปันผลระหว่างปี 2560-2562 และงวด 6 เดือนแรก ปี 2563
ภาพประกอบ: พรวลี จ้วงพุฒซา
พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์