วันนี้ (6 ตุลาคม) อานนท์ นำภา ให้สัมภาษณ์หลังได้รับรางวัล ‘จารุพงษ์ ทองสินธุ์ เพื่อประชาธิปไตย’ ว่า การได้รับรางวัลในวันนี้คิดว่าเป็นการให้กำลังใจในการต่อสู้ และเป็นตัวแทนคนรุ่นใหม่ทุกคนที่ออกมาต่อสู้ วันนี้เราเห็นนักเรียน นักศึกษาออกมาต่อสู้ ซึ่งตนคิดว่าเป็นความบังเอิญอย่างยิ่ง และเป็นการเชื่อมโยงประวัติศาสตร์เข้าสู่ปัจจุบันที่การต่อสู้มีลักษณะที่คล้ายกันมาก ถ้าจะพูดเหมือนหนังจีนต้องบอกว่าล้างแค้น 10 ปีก็ไม่สาย ตนคิดว่าคนที่ออกมาเคลื่อนไหวตอนนี้เป็นลักษณะของการออกมายืนยันความจริงว่ารุ่นพี่เราไม่ผิด มีความมุ่งมั่นในการเสียสละตัวเองเพื่อที่จะเปลี่ยนแปลงสังคม สิ่งที่น่าหวาดกลัวของชนชั้นนำในสังคมไทยคือเรามีความเข้มแข็งและมีคนร่วมมากขึ้น แต่ฝ่ายชนชั้นนำไทยมีความศักดิ์สิทธิ์ความศรัทธาที่ลดลง
อานนท์กล่าวอีกว่า การชุมนุมในวันที่ 14 ตุลาคมนี้ จะเป็นการชุมนุมที่เป็นปกติ ซึ่งคนที่ออกมาร่วมชุมนุมเชื่อว่าเป็นคนที่มีความมุ่งมั่น และมีความพร้อมที่จะมาร่วมชุมนุมจริงๆ เพราะตรงกับวันทำงาน ดังนั้นตนคิดว่าวันที่ 14 ตุลาคมนี้จะเป็นตัวชี้วัดของสังคมได้เป็นอย่างดี และการชุมนุมในวันดังกล่าวจะเป็นวันที่นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงได้อย่างแน่นอน กระบวนการในการจัดการเวที การจัดคนปราศรัย และการจัดการพักแรม ตนคิดว่าทุกอย่างจะเกิดขึ้นจากความตั้งใจ ซึ่งอยากให้วันนั้นมาถึงเร็วๆ เพราะจะมีการรวมกันทุกกลุ่มครั้งสำคัญ รวมทั้งในส่วนภูมิภาคก็จะเข้ามาร่วมด้วย ซึ่งเชื่อว่าคนจะมาร่วมชุมนุมเพิ่มมากขึ้นเป็นทวีคูณ
เมื่อถามถึงความคาดหวังความเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นหลังวันที่ 14 ตุลาคมนี้ อานนท์กล่าวว่า เราได้ส่งเสียงออกไปหลายครั้งในการชุมนุม แต่ยังไม่ได้รับการตอบรับ ซึ่งการชุมนุมในวันที่ 14 ตุลาคมนี้ จะเป็นลักษณะของการประท้วง กดดัน ขยับเพดานการเรียกร้อง ไม่ใช่การแสดงพลังแล้วกลับบ้านอย่างเดียว แต่เป็นการสู้แบบม้วนเดียวจบค้างคืนแน่นอน เพราะเมื่อเราชุมนุมธรรมดาแล้วไม่ได้รับการตอบรับ การขยับเพดานการชุมนุมจึงเป็นเรื่องธรรมดา ซึ่งข้อเรียกร้องของเราคือให้รัฐบาลประยุทธ์และองคาพยพออกไป เพื่อให้ได้รัฐธรรมนูญใหม่ และสถาบันอยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญอย่างแท้จริง ซึ่งเป็นข้อเรียกร้องเดียว เพราะเป้าหมายเรามีแค่ข้อเดียว
เมื่อถามย้ำว่าการต่อสู้แบบม้วนเดียวจบคืออะไร อานนท์กล่าวว่า ม้วนเดียวไม่ได้หมายความว่าจะจบในวันเดียว แต่เป็นการเริ่มต้นการขยายการต่อสู้แบบต่อเนื่องและม้วนเดียวจบ แต่ถ้าคนออกมาเป็นล้านก็จบในวันเดียว ซึ่งจะยืดเยื้อแค่ไหนขึ้นอยู่กับสถานการณ์
“เราไม่กลับแน่นอน เราจะใช้พื้นที่ชุมนุมที่ถนนราชดำเนิน สนามหลวง และพื้นที่อื่นๆ ที่มีปัญหา ส่วนจะมีการเคลื่อนขบวนด้วยหรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับความพร้อมมวลชน ซึ่งความตั้งใจของเราคืออยากแสดงพลังในการกดดันให้รัฐบาลประยุทธ์ออกไป และร่างรัฐธรรมนูญใหม่ และข้อเรียกร้องที่มีการหยิบยกขึ้นมาคือให้ทางสภาเปิดการประชุมสมัยวิสามัญเพื่อรับร่างรัฐธรรมนูญทุกฉบับ” อานนท์กล่าว
อานนท์กล่าวด้วยว่า ตอนนี้ตนคิดว่ารัฐบาลปากกล้าขาสั่น ลึกๆ แล้วเขาหวาดกลัวต่อความเปลี่ยนแปลงอยู่พอสมควร ในส่วนของฟางเส้นสุดท้ายตนคิดว่าไม่มี แต่หากเกิดน้ำผึ้งหยดเดียวตนคิดว่ามีความเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญแน่นอน พวกเราสัญญาว่าการชุมนุมจะอยู่ในกรอบของกฎหมาย มีความสมเหตุสมผลในการชุมนุม โดยที่รัฐบาลต้องออกในทันที และจะมีการขีดเส้นจุดเริ่มต้นในวันที่ 14 ตุลาคมนี้
พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า