วันนี้ (30 กันยายน) ที่สถานีตำรวจนครบาลบางเขน เพนกวิน-พริษฐ์ ชิวารักษ์ แกนนำแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม พร้อมด้วย ขนุน-สิรภพ พุ่มพึ่งพุทธ แกนนำ มศว คนรุ่นเปลี่ยน และแกนนำคนอื่นๆ รวม 7 คน เดินทางเข้ารับทราบข้อหาตามหมายเรียกของสถานีตำรวจนครบาลบางเขน ในข้อหาชุมนุมสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต จากเหตุชุมนุมเรียกร้องให้ปล่อยตัว อานนท์ นำภา และภาณุพงศ์ จาดนอก หรือไมค์ ระยอง ที่หน้าสถานีตำรวจนครบาลบางเขนเมื่อวันที่ 7 สิงหาคมที่ผ่านมา
พริษฐ์กล่าวว่าข้อหาร่วมกันชุมนุมในที่สาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาตเป็นข้อหาที่เล็กน้อยมาก ซึ่งต้องเรียนไปถึงท่านผู้กำกับด้วยว่าท่านแจ้งข้อหาการชุมนุมสาธารณะ ซึ่งตาม พ.ร.บ. ชุมนุมฯ ไม่จำเป็นต้องขออนุญาต เพียงแค่แจ้งให้ทราบเท่านั้น ทำให้เห็นว่าตำรวจตั้งข้อหากับฝ่ายประชาธิปไตยโดยที่ไม่ได้รู้กฎหมายด้วยซ้ำว่ากฎหมายที่กำลังใช้กับประชาชนอยู่นั้นมันคือกฎหมายอะไร เขียนไว้ว่าอะไร เพียงแต่นายสั่งให้ตั้งข้อหาก็ตั้งข้อหาแค่นั้น
พริษฐ์กล่าวต่อว่าคดีที่เรากำลังเผชิญอยู่นั้น ในทางการเมืองเรียกว่าคดีนโยบาย คือนโยบายนาย ใช้ในการกลั่นแกล้ง และจะใช้เฉพาะฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยกับรัฐบาล เราจะสังเกตได้ว่ากลุ่มไทยภักดีชุมนุมกี่ครั้งก็ไม่เคยโดน พ.ร.บ. ชุมนุมฯ แล้วก็ไม่เคยโดน ม.116 แต่อย่างใด
จากนั้นพริษฐ์ได้ชูหมายเรียกพร้อมกับกล่าวว่า “หมายนี้เป็นเอกสารแห่งความอัปยศ หมายนี้เป็นเอกสารที่แสดงให้เห็นว่าระบบยุติธรรม กระบวนการยุติธรรมในประเทศไทยไร้ซึ่งความยุติธรรมอีกต่อไป ก่อนที่จะเข้าไปฟังว่าสรุปแล้วตำรวจตั้งข้อหาอะไรกันแน่ เบื้องต้นเราทั้ง 7 คนขอเผาหมายนี้เพื่อเป็นการไว้อาลัย และประท้วงให้กับกระบวนการยุติธรรมของประเทศไทย”
ทั้งนี้ก่อนที่จะเดินเข้าไปรับทราบข้อกล่าวหา ทั้ง 7 คนได้ยืนชูสามนิ้วพร้อมกับกล่าวว่า “ศักดินาจงพินาศ ประชาราษฎร์จงเจริญ” จากนั้นก็เดินเข้าไปภายในสถานีตำรวจนครบาลบางเขน โดยมีทนายความจากศูนย์ทนายความสิทธิมนุษยชนเป็นทนายในคดีดังกล่าว อีกทั้งยังมีมวลชนบางส่วนมาให้กำลังใจบริเวณด้านหน้าสถานีตำรวจนครบาลบางเขนอีกด้วย
ล่าสุด มายด์-ภัสราวลี ธนกิจวิบูลย์ผล แกนนำคณะประชาชนปลดแอก ได้ยืนยันกับ THE STANDARD ว่าทั้ง 7 คนปฏิเสธข้อกล่าวหา และพร้อมต่อสู้คดีตามขั้นตอนต่อไป
พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์
